วันอังคาร, พฤษภาคม 06, 2551

ก้าวแรกสู่ shdan ( นิยายหมากล้อมเรื่อง First kyu )

ตอนที่ 1 "เซียนเฒ่า" จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับตำนาน ความฝันตั้งแต่คนรุ่นปู่ที่ตกทอดลงมาถึงคนรุ่นหลานโดยไม่ตั้งใจ สมัยที่เกาหลียังไม่มีความทัดเทียมในเชิงหมากเทียบเท่ากับจีน ญี่ปุ่นได้ ฉากแรกเริ่มต้นในสมัยยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (ประมาณนั้น) ทางผู้ใหญ่ฝ่ายเกาหลีได้เชิญโปรโกะญี่ปุ่น (คิทานิ มิโนรุ) มาเทียบฝีมือกับมือหมากชั้นเซียนของเกาหลี ผลปรากฏว่าไม่มีใครสามารถสู้คิทานิได้ ถึงแม้ว่าคิทานิจะต่อให้ถึง 2 เม็ดก็ตาม ผ่านไป 2 หรือ 3 กระดาน (จำไม่ได้) ทางผู้จัดก็ขออาสาสมัครใครก็ได้เพื่อมาสู้กับคิทานิ แต่ก็ไม่มีใครกล้า จนกระทั่งชายชรา(คุณฮวอน)ผู้ผ่านฤดูหนาวมา 65 ครั้งได้เอ่ยปากตอบรับ แต่ด้วยความกลัวจะแพ้อีก ผู้จัดก็เลยขอให้คิทานิปรับหมากต่อใหม่เป็น 3 เม็ด ทางคุณฮวอนก็รู้สึกไม่พอใจ เหมือนกับโดนหมิ่นประมาท เพราะการเล่นต่อ 3 เม็ดนั้นไม่น่าจะนับว่าเป็นการแข่งขัน แต่เป็นหมากชี้แนะ ดังนั้นด้วยความโมโห จึงประกาศก้องว่าเขาจะเอาชนะคิทานิให้ดู ซึ่งอันที่จริงคุณฮวอนเองสมัยหนุ่มๆก็จัดว่าเป็นนักหมากล้อมฝีมือระดับต้นๆของเกาหลี แต่พอแก่ตัวลงก็ไปทำอาชีพนักหนังสือพิมพ์ เขียนคอลัมน์เกี่ยวกับหมากล้อม กลับมาที่กระดานต่อ... ในช่วงต้นเกมไปถึงกลางเกมหมากบนกระดานเห็นได้ชัดว่าคุณฮวอนได้เปรียบเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเล่นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวก็ตาม แต่ทว่าทางโปรคิทานิเองก็ไม่ได้ย่อท้อแต่อย่างใด เล่นอย่างอารมณ์เย็น ตาก็คอยสอดส่องหาจุดอ่อนที่จะใช้ให้เป็นประโยชน์ ค่อยๆทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ ส่วนทางฝ่ายคุณฮวอนนั้นเล่า ด้วยความที่มีน้ำโหเป็นที่ตั้ง การวางหมากเลยไม่ใช้เวลาครุ่นคิดนานเท่ากับฝ่ายคิทานิ ครั้นมาถึงช่วงปิดเกม คิทานิได้สร้างโคะขึ้นมากลุ่มหนึ่งเพื่อสู้โคะกัน ผลปรากฏว่าคุณฮวอนอ่านหมากพลาด ไม่ตอบรับการขู่ของหมากขาว เพื่อที่จะเอาชนะโคะ และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หมากเม็ดที่คิทานิขู่ไปนั้น กลายเป็นหมากที่เจตนาสังหารกลุ่มหมากดำกลุ่มใหญ่กลางกระดาน ในที่สุดด้วยความสะเพร่าเล่นด้วยอารมณ์ไม่คงที่ ทำให้คุณฮวอนจำต้องยอมแพ้ไปในช่วงปลายกระดานอย่างที่ไม่น่าแพ้ จากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ คุณฮวอนรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก แล้วก็หลบออกจากบ้านของผู้จัดไปอย่างเงียบๆ เมื่อถึงบ้านตนเองก็กระอักเลือดล้มลงตรงประตูบ้าน และไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก ต้องถูกนำส่งเข้าโรงพยาบาลหลังจากนั้นไม่ถึง 3 เดือน คุณฮวอนก็จบชีวิตลงด้วยความแค้นที่ยังฝังอยู่ในใจ.... .......จบบทแรก........


ตอนที่ 2 "นักเลงพนัน" หลังจากจบตอนแรกไป ตอนถัดมาก็ตัดฉับมาที่ชายหนุ่มผู้หนึ่งนักเลงหมากล้อม ผู้ซึ่งหากินจากการเล่นพนันแข่งขันหมากล้อมกับพวกมือสมัครเล่นทั่วไป หลังจากตรากตรำแข่งโกะหากินจนไม่ได้หลับได้นอนมาหนึ่งคืนเต็มๆ ซึ่งมันก็คุ้มค่าสำหรับเงินปึกใหญ่ในกระเป๋าของเขา สำหรับตอนนี้ก็ไม่ได้บรรยายอะไรมากไปกว่าบรรยายความคิดความรู้สึกของหนุ่มคนนี้ ซึ่งก็เป็นตัวเอกของเรื่องนั่นเอง จนกระทั่งเขาเดินไปถึงโรงนวดขาประจำอันเป็นเหมือนกิจวัตรประจำหลังแข่งของเขาเพื่อผ่อนคลายความเครียด เมื่ออาบน้ำอาบท่าขึ้นไปทอดกายอยู่บนเตียงแล้วเขาก็ผลอยหลับไปพร้อมๆ กับได้ยินเสียงนักศึกษาด้านนอกกำลังก่อกลุ่มประท้วงรัฐบาลอยู่ในขณะนั้น... แล้วเรื่องก็ตัดฉับไปตอนถัดไป ลักษณะการเล่าเรื่องของเรื่องนี้ 2 ตอนแรกดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวพันกันเลย แต่ทว่าต้องรออ่านไปสักพักแล้วจะรู้ว่ามันสัมพันธ์กันอย่างไร....เฮ้อ...เหนื่อย ตอนที่ 3 ?เมื่อหินหล่นลงสู่ผืนน้ำอันสงบ? จากตอนที่แล้วที่กล่าวถึงชายหนุ่มคนนั้น จริงๆแล้วเขามีชื่อว่า ยังวุค ฮวอน (เราจะเรียกสั้นๆว่า ?วุค?) ซึ่งก็ได้หลับไปจากความอ่อนเพลียในตอนนั้น พลันเรื่องก็ตัดมาเล่าถึงพื้นเพของเขาว่าเป็นอย่างไร ประวัติของวุคนั้น เกิดในช่วงฤดูหนาวของปี 1950 (50 กว่าปีก่อน) อันเป็นช่วงของสงครามเกาหลี ที่ลือกันว่าจีนจะมาช่วยเกาหลีเหนือบุกรุกเกาหลีใต้ ช่วงเวลานั้นก็เรียกได้ว่าบ้านเมืองสับสนวุ่นวาย ชาวบ้านเดือดร้อนกันไปถ้วนหน้าจากปัญหาข้าวยากหมากแพง แต่กระนั้นก็ตามครอบครัวของวุคก็อยู่รอดมาได้อย่างไม่เดือดร้อน เนื่องจากว่าพ่อของวุค หรือคุณฮวอนนั้นเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจ สามารถประคองตัวเอาตัวรอดมาจากเหตุการณ์นั้นได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ครอบครัวของวุคจึงมีลักษณะเป็นเผด็จการหน่อยๆ คือตัวพ่อจะเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาด บังคับให้ทำอะไรก็ต้องทำ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วก็มุ่งหวังไปในทางที่ดีทั้งสิ้น นอกจากตัววุคเองแล้ว เขาก็ยังมีพี่ชาย 2 คนและพี่สาวอีก 2 คน และตัวของวุคเองก็เป็นลูกคนสุดท้อง ซึ่งแน่นอนที่สุด ลูกคนสุดท้องมักจะถูกให้ความรักและความหวังมากเป็นพิเศษกว่าลูกคนอื่นๆ สังคมเกาหลีตอนนั้นก็คล้ายๆกับเมืองไทยอยู่อย่างก็คือ เรื่องของความรักสี รักพวก อันได้แก่การที่ได้อยู่โรงเรียนหรือมหาลัยฯ ที่มีชื่อก็จะเป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูลอะไรทำนองนั้น ซึ่งแน่นอนว่าคุณฮวอน พ่อของวุคก็จัดอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้เช่นกัน ช่วงเวลานั้นโรงเรียนเตรียมอุดมฯที่มีชื่อเสียงที่สุด มีชื่อว่า ?โรงเรียน K? และมหาลัยที่มีชื่อที่สุดก็คือ ?มหาวิทยาลัย S? (อันนี้ผู้เขียนคงจะไม่อยากเอ่ยชื่อจริงๆของสถาบันทั้งสองแห่งนี้) คนที่เรียนจบจากโรงเรียน K ก็จะสอบเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย S และทั้งพ่อแม่พี่น้องของวุคทั้งหมดก็ผ่าน โรงเรียนและมหาลัยฯ แห่งนี้มาแล้วทั้งสิ้น จนผู้คนทั่วไปขนานนามครอบครัวนี้ว่า ?ครอบครัว KS? สำหรับคุณฮวอนเองนั้น ไม่ได้คาดหวังเพียงแค่ที่ว่ามานี้ ไม่ได้คาดหวังเพียงแค่โรงเรียนที่ดี สอบได้คะแนนที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่จะต้อง ?ดีที่สุด? ด้วยเหตุนี้ก็คงไม่ต้องบอกว่าตัววุคเองนั้นถูกกดดันมากขนาดไหน พี่ๆทุกคนต่างก็สอบเข้ามหาลัยS ได้คงเหลือแต่ตัวเขาเองที่เพิ่งจะเข้าเรียนปีแรก(ม.4)ในโรงเรียนเตรียมอุดมฯ K และถ้าหากว่าภายใน 3 ปีวุคเรียนจบมัธยม แล้วสามารถสอบเข้ามหาลัย S ได้แล้วก็คงจะเติมความฝันของพ่อให้เต็มได้ครบถ้วน จริงๆแล้วตัวของวุคเองก็เป็นเด็กที่มีความฉลาดเฉลียวไม่แพ้พวกพี่ๆเช่นเดียวกัน ดังนั้นความหวังของคุณฮวอนที่จะให้ลูกๆจบมหาวิทยาลัย S ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เราลองมานึกภาพถึงผืนน้ำอันสงบนิ่ง แวดล้อมด้วยป่าไม้อันสงบวิเวก แล้วก็มีคนนั่งชมความวิเวกนั้นอย่างสงบโดยรอบ แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีก้อนหินจากที่ไหนก็ไม่รู้ ลอยละล่องมาตกลงบนผิวน้ำ ทำลายความวิเวกออกไปอย่างสิ้นเชิง อันนี้เปรียบได้กับความฝัน ความหวังของคุณฮวอนที่ถูกสั่นคลอนอย่างแรงจากเกมหมากกระดานที่เรียกว่า ?หมากล้อม? ในช่วงปีที่วุคเกิดจนกระทั่งปลายๆของปี 80 ถึงแม้สงครามจะสงบแต่สภาพภายในเกาหลีเองก็ใช่ว่าจะสงบเรียบร้อยไปด้วย พวกเหล่านักเรียน นักศึกษาหัวรุนแรงมากมายต่างก็ประท้วงต่อต้านรัฐบาลอยู่เนืองๆ เรียกได้ว่า วุคโตมาในช่วงที่บ้านเมืองยุ่งเหยิง วุ่นวาย วันหนึ่งขณะที่วุคเดินกลับบ้านจากโรงเรียน ระหว่างทางก็มีเสียงแก๊สน้ำตาถูกยิงเข้าใส่กลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่กำลังประท้วงรัฐบาลอยู่แถบนั้นจากฝีมือของตำรวจ ฝูงนักเรียนแตกฮือวิ่งหนีกันอย่าอลม่าน ตัววุคเองก็พลอยต้องวิ่งหนีตำรวจไปกับเขาด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อายุของวุคตอนนั้นแค่ 15 ปีเท่านั้น วุควิ่งๆๆๆๆ วิ่งไปอย่างไม่มีจุดหมาย เพียงเพื่อให้พ้นจากความชุลมุนที่ตรงนั้น จนกระทั่งเสียงไล่ตามสงบลง วุคก็มาหยุดหอบอยู่ ณ. ที่ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง เขามองไปรอบๆ ไม่มีตำรวจ ไม่มีเด็กวิ่งหนีอีกแล้ว แต่ในใจก็ยังไม่คลายความหวาดระแวงอยู่ดี เขาต้องการซ่อนตัวที่ไหนสักแห่ง ครั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นป้ายอยู่ข้างหน้าความว่า ?ชมรมหมากล้อมชุงจิง? วุคไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปในนั้นเพื่อหลบภัยทันที ในนั้น วุคเห็นคนจำนวนหนึ่งกำลังเล่นหมากล้อมอยู่ ทันใดนั้นเองความรู้สึกแปลกๆได้เกิดขึ้นกับเขา มันเป็นความรู้สึกยินดีปรีดาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันเป็นความรู้สึกเหมือนกับตอนที่เขาได้รับการคัดเลือกเข้าโรงเรียนเมื่อสองปีก่อน แต่ความรู้สึกอันนี้มันยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นความยินดีผนวกไปกับความตื่นเต้นอย่างบอกไมถูก แน่นอนว่าเขาเคยเห็นคนเล่นหมากล้อมมาก่อน แต่ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน กลุ่มคนที่เขาเห็นตรงหน้านี้เป็นคนละแบบกับที่เขาเคยเห็น ทันใดนั้นเขาก็นึกอยากจะเรียนวิธีเล่นเกมนี้ขึ้นมาในทันที ชายวัยกลางคน ดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้าของร้านก็เดินตรงรี่เข้ามาทัก ? ว่าไง เธอเล่นอยู่ระดับไหนล่ะ ?? ? เอ่อ...ผมเล่นไม่เป็นอ่ะครับ? ?งั้น เธอก็คงมาตามหาคนล่ะสิ? ?เปล่า...ผมมาเพื่อเรียนวิธีเล่น? วุคแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่า เขาพูดตอบไปอย่างนั้นได้อย่างไร เขาจ้องไปที่ชายกลางคนผู้นั้นเหมือนกับต้องการคำตอบ ?จริงเหรอ...วิเศษไปเลย เกมนี้ถือว่าเป็นเกมที่วิเศษที่สุดที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น งั้น ฉันจะสอนเธอเล่นตอนนี้เลย? จากคำตอบที่ได้ยินทำให้วุคนึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้เป็นเวลากลับบ้าน ?ขอบคุณมากสำหรับความกรุณาครับ แต่ผมคงต้องรีบกลับบ้านแล้ว เอาไว้ผมจะมาใหม่อีกทีวันหลัง? วุครู้สึกตัวเองเป็นคนโลเล พูดกลับไปกลับมา แต่ทว่าชายกลางคนกับไม่ถือสาอะไร ?ไม่เป็นไรหรอก เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันจะให้ยืมหนังสือไปอ่านเองนะ ฉันเห็นคนเล่นเก่งจากโรงเรียน K หลายคนเด็กหัวดีอย่างนี้คงจะเรียนรู้ได้เร็วล่ะ? ดูเหมือนว่าชายกลางคนผู้นี้จะชอบใจในเครื่องแบบนักเรียนโรงเรียน K ของวุค เขาให้หนังสือวุคยืมมา 2 เล่มด้วยกันคือหนังสือชื่อ ?ก้าวแรกสู่หมากล้อม? และ ?ทฤษฏีหมากล้อมเบื้องต้น? วุครับหนังสือมาอย่างกับเป็นสมบัติล้ำค่า แล้วก็รีบวิ่งกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงบ้าน วุคอ่านหนังสือ 2 เล่มนี้รวดเดียวโดย ไม่หยุด ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา วุคก็แวะที่ชมรมหมากล้อมหลังเลิกเรียนทุกวัน ในเดือนก.ค. เมื่อวันหยุดภาคฤดูร้อนเริ่มขึ้น วุคก็เลื่อนระดับขึ้นมาที่ 9 คิว ระดับฝีมือของนักเล่นหมากล้อมเกาหลีในขณะนั้น จะเริ่มต้นที่ 18 คิวไปจนกระทั่ง 1 คิว สูงไปกว่านั้นก็จะเป็นระดับอาจารย์ หรือระดับดั้ง ตั้งแต่ 1 ดั้งไปจนถึง 9 ดั้ง การไต่ไปจนถึงระดับ 1 คิวในตอนนั้นใช่ว่าคนทั่วไปทุกคนจะสามารถขึ้นไปถึงตรงนั้นได้ การเลื่อนระดับขึ้น 9 คิวในระยะเวลาแค่ 2-3 เดือนนั้นจัดว่าเป็นการก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมากแล้ว พอปิดเทอมฤดูร้อนเริ่มขึ้น วุคก็เปลี่ยนไปเล่นที่ชมรมหมากล้อมแถวๆบ้าน ที่ชื่อว่า ?ดงเอ? นักเล่นหมากล้อมหน้าใหม่ผู้นี้ก็ปรากฏกายอยู่ในชมรมรนี้ทุกๆวันในช่วงปิดเทอม ทันทีที่พ่อออกไปทำงาน วุคก็รีบเผ่นออกไปสิงอยู่ในชมรมฯ จนกระทั่งชมรมฯปิดตอน 5 ทุ่มทุกวัน ถึงแม้ว่าคุณฮวอนจะรู้ความเป็นไปก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกับการกระทำของวุคในครั้งนี้ เขาไม่คิดว่าหมากล้อมจะเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวหรือมีอันตรายอย่างไร ซึ่งก็ยังดีกว่าปล่อยให้ลูกชายไปเที่ยวสำมะเลเทเมามั่วสุม อย่างที่พวกเด็กวัยรุ่นชอบทำกัน วุคเองก็รู้สึกโล่งกับการที่คุณฮวอนเงียบไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เต็มที่อย่างมากคุณฮวอนก็พูดแต่ว่า ?หมากล้อมนี่ มันก็เป็นเกมสำหรับพวกคนแก่ๆเขาเล่นกัน ไม่ใช่สำหรับพวกเด็กๆอย่างแกหรอก? คุณฮวอนเองตอนนี้ก็อายุ 55 ปีแล้ว ความเคร่งครัดในกฎเกณฑ์ต่างๆที่เคยมี ดูเหมือนจะหย่อนยานไปตามกาลเวลาเช่นกัน พวกพี่ๆของวุคต่างก็ประหลาดใจที่พ่อปล่อยให้ลูกชายสุดโปรดวิ่งเข้าวิ่งออกชมรมหมากล้อมได้แทบทุกวัน ด้วยเหตุนี้เองทำให้วุคมีเวลาศึกษาเกมอย่างละเอียด ตลอดช่วงเวลาหยุดภาคเรียนนี้ เมื่อสิ้นสุดการปิดเทอม ระดับฝีมือของวุคก็พัฒนารุดหน้าไปจนถึงระดับ 6 คิว ซึ่งได้สร้างความฉงนสนเท่ห์ใจให้กับคนในชมรมฯเป็นอย่างมาก ถึงการพัฒนาฝีมืออย่างรวดเร็วของวุคในครั้งนี้ วุคน่าจะมีพรสวรรค์ในหมากล้อม และแล้วระลอกคลื่นลูกแรกจากหินก้อนนั้นก็เกิดขึ้น.... -- จบตอน ---


ตอนที่ 4 หนึ่งคิว ถ้าพูดถึงผู้เล่นระดับ 1 คิวในตอนนี้เราคงจะเห็นกันได้ทั่วไปมากมาย เมื่อปริมาณของมากขึ้น แน่นอนที่คุณค่าย่อมลดลงเป็นเงาตามตัว สมัยนี้นักเล่นหมากล้อมทุกคนคงจะไม่ชื่นชม และยกย่องผู้เล่นระดับ 1 คิวเหมือนกับเมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ และในช่วงปี 60 นั่นเองที่เป็นช่วงที่วุคเริ่มหัดเล่นหมากล้อม เจ้าของชมรมหมากล้อมชุงจิง ครั้งหนึ่งเคยเล่าให้วุคฟังเกี่ยวกับผู้เล่นในระดับ 1 คิว ?มือระดับ 1 คิวนั้นสามารถจำหมากที่ตัวเองเล่นได้ ถ้าหากว่ามีใครมาล้างหมากออกไปจากกระดานแล้ว เขาก็สามารถเรียงกลับให้มาเป็นเหมือนอย่างเดิมได้ ชมรมฯของเราก็มีมือระดับ 1 คิวเหมือนกันแต่วันนี้เขาไม่ได้มา ยังไงเธอก็คงมีโอกาสได้เจอเขาแน่ๆ? และก็เป็นจริงอย่างที่คาด วุคได้เจอกับ 1 คิวจริงๆ ตอนนั้นวุคอยู่ในระดับ 15 คิว ถ้าเล่นกับเจ้าของร้านซึ่งอยู่ในระดับ 7 คิวเขาต่อให้วุค 9 เม็ด แต่ทว่าตอนที่ 1 คิวมาเล่นกับเจ้าของร้าน 1 คิวกลับสามารถต่อให้เจ้าของร้านได้ 9 เม็ดเช่นเดียวกัน 1 คิวคนนี้ดูเหมือนจะอายุยี่สิบกว่าๆ แต่เมื่อเข้ามาเล่นในร้านเมื่อใดก็จะมีผู้คนเข้ามามุงดูกันอย่างเนืองแน่น ดูจากการเล่นกับเจ้าของร้าน ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านจะอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ สังเกตจากสายตา และเม็ดเหงื่อที่ปรากฏบนใบหน้า และแล้วไม่นานนักเจ้าของร้านก็กล่าวยอมแพ้ เมื่อเล่นเสร็จแล้ว 1 คิวก็ขอตัวกลับ เจ้าของร้านก็แทบจะขอร้องให้อยู่เล่นต่ออีกหน่อย แต่ 1 คิวก็ปฏิเสธไปอย่างสุภาพพร้อมกลับกล่าวว่าจะมาอีก ทางฝ่ายเจ้าของร้านก็กุลีกุจอไปหยิบบุหรี่ยี่ห้อแพง ?ชุงจา? ให้กลับไปหลายซองเหมือนกับเป็นกำนัลเพื่อวันหน้าจะได้กลับมาอีก 1 คิวรับของกำนัลแล้วก็ออกจากร้านไป วุคสังเกตการแต่งเนื้อแต่งตัวของ 1 คิวคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่เก่าๆ ขาดๆ แต่มันก็ไม่ใช่เป็นสิ่งสำคัญ วุคเห็นเขาดูราวกับเป็นเทพยดา เขาทำอย่างไรถึงได้ 1 คิว เขาทำอย่างไรถึงได้เป็นเทวดาอย่างนี้หนอ จากการที่ไปเข้าชมรมฯบ่อยๆ ทำให้วุคได้เจอกับ 1 คิวคนอื่นๆอีก ชายวัยกลางคนหัวล้าน, คนหนุ่มใส่หมวกเบเล่ห์ และคนแก่สูบยากล้อง ซึ่งทุกคนต่างก็ถูกให้ความเคารพกันหมดจากนักเล่นคนอื่นๆ เมื่อพวกเขาเล่นคนเหล่านี้ก็จะมุงดูกันอย่างเงียบเชียบ เมื่อพวกเขาพูดอธิบายเกม คนเหล่านี้ก็จะฟังอย่างนอบน้อม ถึงแม้ว่าพวก 1 คิวทั้งหลายจะยากจนก็ตาม ที่ชมรมฯดงเอ ก็มี 1 คิวเหมือนกัน ไม่มีใครรู้ว่าชื่อจริงของเขาคืออะไร ทุกๆคนเรียกเขาว่า ?อาจารย์ลี? อาจารย์ลีคนนี้มีลักษณะดูราวกับนักโทษแหกคุก ใส่กางเกงทหารย้อมสีดำ ร้องเท้าฟองน้ำคู่ใหญ่ไม่พอดีเท้า กับผมเผ้าและหน้าตาที่ยุ่งเหยิงรุงรัง แต่ก็ไม่มีใครสนใจในรูปลักษณ์ของเขาเวลาที่เขาเข้ามาในชมรมฯ ทุกคนต่างยกย่องเรียกเขาเป็นอาจารย์กันทั้งสิ้น เขามาเล่นในชมรมฯไม่บ่อยนัก นานๆถึงจะเข้ามาสักที แต่เมื่อเขามาทีไรจะต้องมีคนมุงดูเกมที่เขาเล่นมากมาย และแน่นอนที่สุดทุกเกมที่เขาเล่นก็เป็นเกมหมากต่อกับผู้เล่นที่อ่อนกว่าทั้งสิ้น วุคเองก็ไม่เคยเห็นชายผู้นี้เล่นแพ้ใครเลย เขามักจะมีหมากเด็ดสำหรับช่วยให้กลุ่มหมากขาวรอด แล้วก็ฆ่ากลุ่มหมากดำกลับเป็นการตอบแทน แต่ทุกๆครั้งที่เขามาที่ชมรมฯ เขาก็จะกลับไปพร้อมกับบุหรี่ชุงจาหลายซอง ทันทีที่ได้บุหรี่เขาก็จะรีบแกะซองออกสูบอย่างกระหายหิว ในขณะที่ก้นบุหรี่ราคาถูกยี่ห้อ?สวอน? ก็จะบรรจงเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างดี แล้วพ่นควันจากบุหรี่ราคาแพงไปในห้วงบรรยากาศในห้องของชมรมแห่งนั้น เป็นสัญญาณว่าจะไม่มีใครเห็นเขาอีกหลายวัน จวบจนกระทั่งเดือนสิงหาคมใกล้เข้ามา เหมือนกับจะมารบกวนเตือนให้วุครับรู้ถึงว่าเวลาที่จะมาสนุกกับหมากล้อมเช่นนี้กำลังจะหมดลง เพราะโรงเรียนจะเปิดแล้ว วันนั้นวุคก็ไปที่ชมรมฯตั้งแต่ไก่โห่ตามปกติ ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีคนอยู่ในชมรมฯมากนัก วุครู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นอาจารย์ลี นั่งเล่นอยู่ตรงมุมห้อง โชคดีที่ยังเช้าไม่มีคนมุงดูมาก มีเพียงแค่คุณชุง ช่างตัดผ้า ผู้เล่นระดับ 6 คิวเท่ากับวุคกำลังนั่งดูอย่างสบายใจอยู่ติดขอบกระดาน วุคก็รีบคว้าเก้าอี้เข้าไปนั่งดูข้างๆคุณชุงทันที อาจารย์ลีกำลังเล่นอยู่กับเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับวุค ขณะที่มองเกม วุคพยายามดูว่าเด็กคนนี้ได้เล่นหมากต่อกี่เม็ดจากอาจารย์ลี แต่ดูไปดูมาปรากฏว่านี่ไม่ใช่หมากต่อ แต่เป็นเกมเสมอ...เด็กรุ่นเดียวกับวุค เล่นเกมเสมอกับอาจารย์ลีได้เชียวหรือ ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าเกมนี้อาจารย์ลีกำลังตกที่นั่งลำบากด้วย อาจารย์ลี คนที่วางหมากได้ในชั่วพริบตา ตอนนี้กลับเดินหมากอย่างใช้ความคิด นิ่งเงียบ สีหน้าอันปวดร้าวที่ปรากฏออกมาเหนือกระดานนั้น เป็นสีหน้าที่วุคไม่เคยเห็นจากอาจารย์ลีมาก่อน หลังจากนิ่งคิดอยู่นาน อาจารย์ลีประกาศยอมแพ้ พร้อมกับถอนใจ ?ผมยอมแพ้ หมากกลุ่มนี้ไม่รอดแล้ว? อาจารย์ลีแพ้...แพ้เด็ก....เป็นไปได้อย่างไร ยังไม่ทันที่จะหายมึนงง ต่อมาคุณชุงได้เอ่ยถามอาจารย์ลีว่า ?อาจารย์ลี, ทำไมไม่ช่วยหมากกลุ่มนี้โดยต่อหมากออกมาธรรมดา แทนที่จะตัด? ?อืม..น่าจะได้นะ...? อาจารย์ลี ตอบอย่างคลุมเคลือตามเคย ทว่าเด็กชายผู้นั้นก็แทรกเข้ามาระหว่างการสนทนา ?ผมคิดว่าคงจะไม่เป็นอย่างนั้น ถ้ายืดออกมาตรงนี้ ถ้าสู้กันแล้วหมากกลุ่มนั้นจะมีลมหายใจน้อยกว่าของผม 1 ลมหายใจ? แต่ช่างตัดผ้าไม่ยอมแพ้ ?ผมคิดว่า มันน่าจะเป็นไปได้ที่กลุ่มหมากขาวจะสร้าง 2 ห้อง ด้วยการเล่นทแยงตรงนี้? ทันใดนั้น เด็กชายคนนั้นก็แสดงอาการไม่พอใจ แล้วขึ้นเสียง ?คุณครับ คุณเล่นอยู่ในระดับไหน ผมอยู่ระดับ 2 คิว และผมคิดว่าไม่มีทางที่ขาวกลุ่มนี้จะรอดอย่างแน่นอน? ความเงียบสงบกลับมา มันก็ผิดล่ะที่คุณชุงผู้ซึ่งฝีมือด้อยกว่าดันไปเสนอข้อโต้แย้งกับผู้เล่นระดับสูง แต่การที่เด็กขึ้นเสียงกับผู้ใหญ่คราวพ่อด้วยโทสะแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่ไม่บังควร มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าใครจะถูกหรือใครจะผิด ในเกาหลีการไม่เคารพผู้ใหญ่ก็ถือเป็นนิสัยที่ไม่ดี (เช่นเดียวกับบ้านเรา) การขึ้นเสียงของเด็กชายทำให้คุณชุงเสียหน้าไปในทันใด คุณชุงพยายามแก้เขินด้วยการควาญหาบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อ และแล้วอาจารย์ลีก็ทำลายความเงียบ ?ดง...รีบกล่าวขอโทษคุณชุงเสียเดี๋ยวนี้ แสดงนิสัยไม่ดีอย่างนี้ออกมาได้อย่างไร โดยเฉพาะกับผู้เล่นหมากล้อมด้วยกัน? เด็กชายก่นพึมพำ ขอโทษ ขอโทษ กับอาจารย์ลี แล้วก็รีบลุกขึ้นยืนหลบหายออกไปจากชมรมฯอย่างรวดเร็ว ?ช่างมันเถอะ...ผมผิดเองแหละ มือ 6 คิวดันไปวิพากษ์วิจารณ์การอ่านหมากของผู้เล่นระดับสูงกว่า? ช่างตัดผ้าผู้ใจกว้างพูดผ่อนคลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น อาจารย์ลีก็ชวนเล่น 1 กระดานราวกับเป็นการขอโทษเป็นการตอบแทน พร้อมกับกล่าว ?เด็กคนนั้นจะต้องยิ่งใหญ่ในโลกหมากล้อมแน่ จำคำผมไว้ให้ดี เขามีสมองที่ดีเลิศที่จะส่งให้เขาประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าเขาอาจจะเดินผิดพลาดไปบ้าง... แล้วเขาก็ยังเรียกตัวเองว่าอยู่ในระดับ 2 คิว ในขณะที่ไม่มี 1 คิวคนไหนสู้เขาได้....เขาเป็น 2 คิวก็จริงแต่เป็น ?วอนเซ็ง? 2 คิว ฮ่า ๆ ๆ ? ?อะไรคือวอนเซ็งหรือครับ? ?วอนเซ็ง ก็คือนักเรียนหมากล้อมในความควบคุมของสมาคมหมากล้อมเกาหลี ซึ่งจะแบ่งระดับแยกออกไปตั้งแต่ 12 คิวไปจนถึง 1 คิว ระดับของพวกนี้จะปรับเปลี่ยนทุกเดือน ขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันของเดือนนั้นๆ ระดับขั้นในพวกนั้นก็เป็นแค่เครื่องบ่งบอกตำแหน่งของแต่ละคนเท่านั้น จริงๆแล้วมันหลอกลวงทั้งเพ พวกวอนเซ็ง 12 คิวบางคนอาจจะฝีมือระดับ 1 คิวกับคนภายนอกก็ได้? ?คุณหมายถึงวอนเซ็ง 12 คิวเอาชนะคุณได้หรือครับ อาจารย์ลี? ?แน่นอน...ผมแพ้ให้กับพวกวอนเซ็ง 11-12 คิวออกจะบ่อย? วุครู้สึกหนักใจขึ้นมาในทันใด เป้าหมายของเขาตอนนี้ก็คือการขึ้นไปถึงระดับ 1 คิวอย่างอาจารย์ลี แต่อะไรกัน ยังมีพวกวอนเซ็งโผล่ขึ้นมาอีก ดูเหมือนเกมหมากล้อมจะไม่มีที่สิ้นสุด มีบันไดขั้นแล้วขั้นเล่าที่จะต้องไต่ขึ้นไปจวบจนกระทั่งเป็นนักเล่นที่เก่งฉกาจ ทันใดนั้นวุคก็คิดอยากจะพบกับดงอีกครั้ง เขาเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ และเขาอาจจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับหมากล้อมให้วุคเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ดงก็ไม่ได้กลับมาที่ชมรมฯอีกจวบจนกระทั่งช่วงเวลาปิดเทอมได้หมดไป มีต่อ.... การก้าวหน้าในฝีมือหมากล้อมนั้น จะค่อยๆช้าลงเมื่อเราเลื่อนขั้นสูงขึ้น การขยับเลื่อนขึ้นของวุคจนถึง 6 คิวดูเหมือนจะค่อยๆช้าลง ไม่รวดเร็วเหมือนครั้งเริ่มต้น กว่าจะได้เลื่อนระดับถึงขั้น 3 คิวได้ วุคใช้เวลาศึกษาต่อไปถึง 5 เดือน ฝีมือขนาดนี้ก็จัดได้ว่าเป็นที่นับหน้าถือตาจากผู้เล่นโดยทั่วไปแล้ว การขึ้นมาในระดับนี้ได้นั้น วุคใช้เวลาว่างที่มีทั้งหมดในการศึกษาจากบันทึกเกมของมืออาชีพ และหาอ่านตำราหายากจากร้านหนังสือเก่า กระนั้นก็ตามตัววุคเองก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นพัฒนาฝีมือขึ้นมาได้ช้า อันที่จริงการเลื่อนขึ้นมาในระดับ 3 คิวในระยะเวลาไม่ถึงปีนั้นถือได้ว่าเร็วมากแล้ว ผลการเรียนของวุคในโรงเรียนเริ่มแย่ลง คุณฮวอนผู้ที่ไม่เคยต่อว่าอะไรกับการไปเล่นหมากล้อม ตอนนี้ก็คงต้องรีบเข้ามาแทรกเสียก่อนที่จะสายเกินไป ?ลูก...การเล่นหมากล้อมนี่ เราเล่นก็เวลาที่เราไม่มีอะไรจะทำ เป็นการฆ่าเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเฒ่าคนแก่เขาทำกัน แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องของคนหนุ่มๆ ที่มีสิ่งสำคัญอย่างอื่นอีกที่จะต้องใส่ใจ ต้องเรียนรู้ พ่อหวังว่าลูกคงจะเข้าใจว่าลูกเป็นเหมือนกับตัวแทนของครอบครัวของเรา จะดีไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับตัวลูกเอง ลูกคงจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังด้วยเหตุจากหมากล้อมนะ? ถึงแม้ว่าคะแนนของวุคจะตกต่ำลง แต่ก็ยังไม่ถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่คุณฮวอนตั้งมาตรฐานไว้ ลึกๆแล้วคุณฮวอนยังคิดว่าวุคคงจะเป็นไปอย่างที่ตนเองคาดหวังไว้ตั้งแต่แรก ยิ่งห้ามก็เหมือนกับยิ่งยุ ตอนนี้ชีวิตของวุคก็วนเวียนแวดล้อมอยู่แต่กับหมากล้อมเท่านั้น ถึงแม้ว่าระดับ 3 คิวจะเป็นที่ยอมรับว่าเป็นผู้เล่นระดับเยี่ยมยอดแล้วก็ตาม การขึ้นไปให้ถึง 1 คิวได้นั้นยังต้องทุ่มเทอีกมาก มีคนมากมายที่พอใจในระดับตัวเองที่ 3 คิว เพราะระดับ 1 คิวนั้นนอกจากจะทุ่มเททั้งเวลาแล้ว ยังเกี่ยวกับพรสวรรค์และความทะเยอทะยานอีกด้วย วุคใช้เวลาศึกษาต่อไปอีก 1 ปีแล้วตนเองก็ขึ้นสู่จุดที่ตนต้องการ ในวันที่เขาสามารถชนะในการแข่ง 10 กระดานกับอาจารย์ลีได้ วุคก็ได้รับการยอมรับจากผู้เล่นคนอื่นๆ เรียกเขาว่า ?อาจารย์ฮวอน? หรือ?ฮวอน 1 คิว? ตอนนี้วุคได้เลื่อนชั้นขึ้นมาในปีที่ 2 (ม.5) ของโรงเรียน วุคเติบโตขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงความสามารถทางด้านหมากล้อมก็เติบโตขึ้นเป็นเงาตามตัว ขณะนี้วุคได้เลื่อนขึ้นเป็นระดับ 1 คิวแล้วและก็ยังคงคิดที่จะได้พบกับดง เพื่อวัดฝีมือตนเองว่าขนาดไหน จึงสอบถามกับอาจารย์ลี ถึงฝีมือของดงว่าอยู่ในระดับไหน ?เธอคงจะสามารถเอาชนะดงได้ ถ้าดงต่อหมากให้ 2 เม็ด แต่ถ้าเป็นหมากต่อเม็ดเดียวแล้วคงจะยังไม่สำเร็จ? เก่งขนาดนั้นเชียวหรือ วุคแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่อาจารย์ลีกล่าว ตัวเขาเองนั้นก็เริ่มเหิมเกริม คิดว่าตนเองนั้นสามารถต่อกรได้กับมือโปรระดับท้อปในหมากต่อ 2 เม็ดได้อย่างสบายๆ ถ้าตามที่อาจารย์ลีพูดแล้ว ดงก็น่าจะมีฝีมือระดับใกล้เคียงกับโปรระดับท้อปเช่นกัน แต่ทำไมดงถึงไม่ได้เป็นมืออาชีพเสียที ตัววุคเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น จริงๆแล้วเขาเองยังต้องเดินอีกยาวไกลกว่าจะไปได้ถึงจุดนั้น ความมั่นใจในตนเองจนเกินไปนั้น นั่นก็คือลักษณะของผู้เล่นมืออ่อน ซึ่งก็จริง วุคยังคงเป็นมืออ่อนอยู่นั่นเอง.... ---จบตอน----


ตอนที่ 5 เขาชื่อ?ดง? ในช่วงเวลานั้น การบริหารกิจการร้านหมากล้อม หรือชมรมหมากล้อมใช่ว่าจะเป็นธุรกิจที่สวยหรู รายได้หลักจากการเปิดร้าน ก็ได้มาจากค่าธรรมเนียมจากผู้ที่เข้ามาเล่น จะกี่ชั่วโมงก็ได้ทั้งวี่ทั้งวันคิดเป็นเงินแค่ 30 วอน (ประมาณ 1.50 บาท) ในขณะที่ค่าบะหมี่ชามละ 50 วอน จะว่าไปแล้วรายได้จากการเก็บค่าเข้าร้านยังไม่เพียงพอกับเงินเดือนของพนักงานเฝ้าร้านเสียด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดชมรมหมากล้อมดงเอก็จำเป็นที่จะต้องปิดกิจการลง ไม่ไกลจากชมรมหมากล้อมดงเอเท่าไร ก็มีชมรมหมากล้อมอีกแห่งมีชื่อเรียกว่า ?วายซีคลับ? ซึ่งมีทำเลอยู่ในย่านตลาดสด ตั้งอยู่บนชั้นสองของตึกโทรมๆเก่าๆเล็กๆหลังหนึ่ง ดูๆแล้วถ้าเป็นแค่เพียงชมรมหมากล้อมก็คงจะไม่น่าจะมีคนเข้าไปเล่นกันมากนัก แต่ทว่ากิจการของวายซีคลับ กลับไปได้ด้วยดี เนื่องจากว่าด้านในของห้องเล่นหมากล้อม จะมีห้องอีกห้องหนึ่งซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นห้องสำหรับพวกผีพนันที่นิยมเข้าไปเสี่ยงโชคจากการพนันทุกอย่าง และนี่ก็ถือเป็นรายได้หลักซึ่งมากกว่ารายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมการเล่นหมากล้อมทั่วๆไปวันละ 30 วอน แต่หลังจากการล่มสลายของชมรมดงเอแล้ว วายซีคลับก็กลายมาเป็นสถานที่แห่งเดียวที่นักหมากล้อมแถวๆนั้นสามารถเข้ามาหาคู่เล่นได้ ทางเจ้าของร้านก็รีบฉวยโอกาสคว้าลูกค้าใหม่ๆทันที ด้วยการจัดการแข่งขันชิงรางวัลขึ้นระหว่างสมาชิก ถึงแม้ว่ารางวี่รางวัลจะไม่ได้เลิศหรู เป็นเพียงแค่ข้าวสาร อาหารแห้ง หรือ แม้กระทั่งตำราหมากล้อม ก็ยังเป็นที่นิยมชมชอบสำหรับผู้เล่นหมากล้อมเช่นกัน แต่ลึกๆแล้วพวกนักหมากล้อมทั้งหลายต่างก็ชอบเข้าแข่งกันทั้งนั้น การแข่งขันครั้งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการเข้าแข่งขันครั้งแรกของวุค ในวันแข่งขัน วุคก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ที่เห็น ?ดง? เด็กคนที่เขาเคยเจอเมื่อนานมาแล้ว ก็เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย ระยะเวลาปีครึ่งได้เลื่อนระดับของวุคจาก 6 คิวขึ้นมาเป็น 1 คิว แต่สำหรับดงแล้ว เขาลงสมัครโดยลงแข่งในระดับแค่ 2 คิวเท่านั้น การแข่งขันในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ตัววุคเองจัดอยู่ในกลุ่ม A ซึ่งมีผู้เข้าร่วมแข่งขันตั้งแต่ระดับ 1 คิวจนถึง 4 คิว โดยการแข่งขันจะเป็นระบบหมากต่อ สำหรับผู้เล่นที่ระดับต่างกัน ในการแข่งขันตลอดทั้งวัน มีเพียงวุคกับดง เท่านั้นที่มีคะแนนเป็นที่หนึ่ง คือยังไม่เคยแพ้ใครเลย ในที่สุดทั้งคู่จะต้องเจอกันในรอบสุดท้าย อันเป็นรอบตัดสินว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะเลิศในการแข่งขันครั้งนี้ (มีต่อ...) ด้วยเหตุที่ดงเข้าแข่งในระดับ 2 คิว ดังนั้น เมื่อแข่งกับวุคผู้ซึ่งเข้าแข่งในระดับ 1 คิวแล้ว วุคจำต้องต่อให้ดง 1 เม็ด คือวุคเล่นขาว และดงเล่นดำโดยไม่มีโคมิ ตัววุคเองนั้นรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากว่าวุคสามารถเอาชนะดงได้ โดยที่ตัวเองถือขาวแล้ว จะทำให้วุคกลายเป็นผู้เล่นที่มีฝีมือเป็นที่หนึ่งในย่านนี้เลยทีเดียว ส่วนตัวดงเองนั้นกลับรู้สึกฉงนสนเท่ห์ไปกว่านั้นว่า เด็กรุ่นเดียวกลับเขาอย่างวุคตอนนี้กลับกลายมาเป็นผู้เล่นระดับ 1 คิวไปแล้ว ดงคว้าเอาโถหมากดำมาทางฝั่งตนเอง สัญญาณว่าจะเริ่มต้นแข่งในไม่ช้า ถึงแม้ว่าตัวดงเองจะยังเล่นในระดับ 2 คิว แต่ทว่าลักษณะรูปร่างของดงดูเหมือนจะเปลี่ยนไปจากที่เคย ทรงผม และการแต่งตัวที่ดูจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุจริง อีกทั้งรูปร่างที่ดูสูงขึ้นกว่าเดิม วุครู้สึกตัวเองจะมันแต่ประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงของดง ไปจนลืมไปว่ากำลังแข่งกันอยู่ เขาพยายามตั้งสติ แล้วกลับเข้าไปในเกมอีกครั้ง ดง เป็นนักหมากล้อมฝีมือแข็งแกร่ง ตำแหน่งหมากแต่ละตาที่วางลงไปนั้น เป็นผลลัพธ์จากการอ่านหมากที่ลึกซึ่งไปทั่วทั้งกระดาน หมากแต่ละตาไม่ปล่อยโอกาสให้วุคโต้กลับได้เลยแม้แต่น้อย มันทำให้วุคหวนคิดไปถึงคำที่อาจารย์ลี เคยบอกแก่ตนว่า ตัวเองยังถือว่าฝีมือยังด้อยกว่าดงอยู่อีกเกือบ 2 ขั้น เกมดำเนินต่อไปอย่างไม่คู่คี่ คะแนนบนกระดานตอนนี้ดำทิ้งห่างขาวออกไปกว่าสิบแต้ม ไม่มีทางที่ขาวจะหาทางเยียวยาได้อีกต่อไป ในที่สุดวุคก็ขอยอมแพ้ แล้วดงก็เป็นผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้ ตัววุคเองก็รู้สึกเหนื่อยและอยากกลับบ้านเต็มแก่ ทว่ามีเสียงเรียกมาจากด้านหลัง ?เรามาเล่นกันอีกกระดานไหม?? เสียงเรียกจากดง ?ได้เลย...แต่ดูเหมือนว่าคุณจะเก่งกว่าผมนะ? วุคพูดถึงกรณีเล่นหมากต่ออย่างในการแข่งที่ผ่านมา ?เอาเป็นเล่นเกมเสมอกันเป็นไง? วุครีบเสนอความเห็นทันที ?ยังไงก็ได้ครับ? ดงตอบรับอย่างสุภาพ ผลจากการทายหมาก วุคได้เป็นฝ่ายเล่นดำ ซึ่งก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมาว่าอาจมีโอกาสเอาชนะดงได้ ความมั่นใจที่หายไปหลังจากความพ่ายแพ้ในการแข่งขัน ดูเหมือนว่าจะกลับมาอีกครั้ง วุควางหมากเม็ดแรกตรงมุมขวาบนของกระดาน แล้วเกมก็ดำเนินต่อไปจนเข้าช่วงกลางเกม ทันใดนั้นก็มีเด็กหนุ่นคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาในคลับพร้อมกับเข้ามาทักทายกับดง แล้วก็นั่งลงตรงข้างๆ หากแต่ว่าเขาไม่ได้สนใจที่จะดูเกม และดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นนักเล่นหมากล้อมด้วย เขามาเพื่อพบกับดงเท่านั้น ถึงแม้ว่าการแต่งกายของเด็กหนุ่มคนนี้จะดูแก่กว่าวัย แต่ทว่ารอยสิวฝ้าบนใบหน้านั้น บ่งบอกได้ว่าเขาคงจะรุ่นๆเดียวกันกับวุค หลังจากที่เขานั่งอยู่พักใหญ่ ก็พูดทักทายกับวุคทันที ?วุค...นายคือวุคใช่มั๊ย? จำเราได้หรือเปล่า อิคู เราเคยอยู่ชั้นประถมด้วยกันไง? เขาคืออิคู เด็กหัวโจกคนหนึ่งในโรงเรียนประถมที่วุคเคยอยู่ ?จริงด้วย เราเพิ่งจะนึกออก นายเปลี่ยนไปเยอะมาก เราเกือบจะจำไม่ได้? สำหรับตัววุคสมัยเด็ก จัดว่าเป็นเด็กหัวดีอันดับหนึ่งที่ใครๆก็รู้จัก แต่สำหรับอิคูนั้น ก็เป็นเด็กเกเรอันดับหนึ่งที่ใครๆก็รู้จักเช่นเดียวกัน ดูเหมือนสองคนนี้จะมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกันอยู่ วุครู้สึกดีใจที่พบกับเพื่อนเก่าโดยบังเอิญแบบนี้ ?นายเป็นเพื่อนกับ ดงเหรอ? วุคหันหน้าไปที่ดง ?เจ้านี่นะเหรอ.... จะเรียกมันว่าเป็นเพื่อนกับเราก็ได้ เอาล่ะพวกแกจะยังมานั่งเล่นเกมอะไรน่าเบื่อนี้อีกเหรอ ในเวลาที่เพื่อเก่ามาเจอกัน เราออกไปฉลองกันดีกว่า? วุคกับดง มองหน้ากันแล้วก็ล้างหมากออกจากกระดาน แน่นอนล่ะ หมากเกมนี้ดงเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้วทั้งคู่ต่างก็รู้กันดี ?เราจะไปกินกันที่ไหนดีอิคู วันนี้ถือเป็นวันพิเศษเพราะเรามีคนใหม่? ดงยิ้ม รู้สึกดีที่จะได้รู้จักกับวุค ?ว่าไงนะ พวกแก คนหม่งคนใหม่อะไรกัน นี่...อยู่เฉย ๆ ก่อน เวลาตอนนี้วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1968 หนึ่งทุ่ม สามสิบสี่นาที ฉันขอสั่งให้แกทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน เรียกชื่อกันได้เลยไม่ต้องมีคนโน้น คนนี้ คนนั้น คำสั่งเริ่มใช้ในทันที ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ? อิคูหัวเราะชอบใจ วุคกับดง เป็นเพื่อนกันแล้ว ---จบตอน---


ตอนที่ 6 เพื่อนใหม่ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทั้งสามคนก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิท ไปไหนไปด้วยกันตลอด สิ่งเดียวที่ทำให้วุครู้สึกไม่สบายใจ นั่นก็คือ ทั้งดง และอิคูนั้น ต่างก็ลาออกจากโรงเรียนมัธยมฯ มาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ที่เที่ยวบางประเภทที่ทั้งคู่ชอบไป บางทีวุคก็ไม่สามารถเข้าไปได้เนื่องจากติดที่ว่าตัวเองยังเป็นนักเรียนอยู่ และกฎข้อบังคับของโรงเรียนก็เคร่งครัด ถ้าถูกจับได้ก็อาจถึงกับต้องพักการเรียน แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้มาเป็นอุปสรรคในการคบหากันของทั้งสาม ยิ่งคบกันมากเท่าไรวุคก็เริ่มเปลี่ยนไปเหมือนกับเพื่อนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ถ้าหากว่าคุณฮวอนมาเห็นพวกเพื่อนๆเหล่านี้ของวุคแล้ว คงจะเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว นอกจากสิ่งใหม่ๆที่เข้ามาในวิถีชีวิตของวุคแล้ว ฝีมือหมากล้อมของวุคก็พัฒนาได้ดียิ่งขึ้น จากการเล่นกับดงอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งตอนนี้วุคสามารถถือดำเล่นกับดงโดยไม่มีแต้มต่อได้อย่างสูสีแล้ว วันหนึ่งขณะที่วุคกับดง กำลังนั่งรอเพื่อออกไปพบกับอิคูที่ร้านอาหาร ดงก็ได้บอกกับวุคถึงเรื่องที่ตนได้ลาออกจากการเป็นวอนเซ็ง(อินเซย์) ด้วยเหตุที่ว่ามีกฎ ระเบียบมากมายที่จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด อย่างเช่นถ้าหากว่าวอนเซ็งคนใด เมื่อถึงกำหนดแล้วไม่ได้ไปจดบันทึกหมากของมืออาชีพ แล้วจะต้องโดนตัดสิทธิไม่ได้เข้าแข่งเลื่อนระดับตลอดทั้งเดือน วอนเซ็งคนใดที่ลาออกไปแล้วก็จะไม่มีสิทธิกลับเข้ามาเป็นวอนเซ็งได้อีกต่อไป ?อย่างเพิ่งเข้าใจเราผิดไปวุค เรายังศึกษาหมากล้อมอย่างหนักเหมือนเดิม แล้วเราจะขึ้นสู่ระดับอาชีพได้ด้วยตัวเราเอง? ดงกล่าวอย่างไม่ค่อยจะมั่นใจนัก บ่อยครั้งที่วุคจับได้ถึงน้ำเสียงที่ออกจะกลัวๆของดง เวลาพูดถึงการแข่งขันคัดตัวเป็นมืออาชีพ ซึ่งในระดับ 1 คิวทั้งหลายที่วุครู้จัก ยังไม่เห็นมีใครที่มีฝีมือดีกว่าดงเลย ฝีมือของดงนั้นน่าจะขึ้นเป็นมืออาชีพได้สบายๆ ขนาดนี้แล้วดงยังจะกลัวอะไรอีก สำหรับการแข่งขันคัดตัวนักหมากล้อมมืออาชีพในสมัยนั้น จัดขึ้นปีละ 2 ครั้งโดยสมาคมหมากล้อมเกาหลี ตอนกลางปี และปลายปี ซึ่งในการแข่งขันแต่ละครั้งก็จะมีผู้เข้าแข่งขันประมาณ 300 คน โดยคัดตัวผู้ชนะแค่ 2 คนเพื่อเข้ามาเป็นนักหมากล้อมมืออาชีพในระดับ 1 ดั้ง ด้วยเหตุนี้การเข้าแข่งขันคัดตัวเป็นมืออาชีพนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่ง ?การที่จะขึ้นเป็นมืออาชีพนี่มันยากมากนักหรือ? วุคถามดงด้วยความสงสัย ?ใช่...ยาก.....ยากมาก? ?แต่ว่า...ระดับอย่างนายแล้ว เราว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการชนะแข่งขันคัดตัว!!!? ดงไม่ตอบ... ?นายหมายความว่า ยังมีคนที่เก่งกว่านายอยู่อีกเหรอ ? ดงก็ยังนั่งเงียบอยู่อีก ?นายเคยบอกว่า นายเคยเล่นหมากต่อ 2 เม็ดกับโปรเก่งๆ ได้สบายๆ แบบนี้แล้วยังจะมีคนที่เก่งกว่านายอยู่อีกได้อย่างไร บอกตามตรงว่า เราเองก็อยากจะเข้าแข่งคัดตัวมืออาชีพอยู่เหมือนกัน? ในที่สุดเมื่อเจอกับคำถามเป็นชุดอย่างนี้แล้ว ดงก็ทนเงียบไม่ไหว ?วุค... นายไม่มีโอกาสหรอก ไม่มีทาง? ?เราเล่นห่วยมากขนาดนั้นเชียว!! เราเองก็อยู่ระดับ 1 คิวที่แข็งแล้วยังต้องกลัวอะไรอีก? ?ฟังเราให้ดีๆนะ ที่เราบอกไปเป็นความจริง มีคนอีกเป็นร้อยที่ฝีมือดีกว่าเราแต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เป็นโปร จริงอยู่ที่จะต้องมีฝีมือดีเยี่ยม แต่เรื่องของโชคชะตามันก็มีส่วนเกื้อหนุนเช่นเดียวกัน นายรู้หรือเปล่าว่ามีนักหมากล้อมฝีมือดีเลิศ แต่เป็นโปรไม่ได้เพราะดวง วุค...ฝีมือระดับอย่างนายยังอยู่อีกไกล ขนาดเราเข้าแข่งดีที่สุดก็แค่ผ่านรอบแรกเท่านั้น ทั้งๆที่มีรอบคัดเลือกก่อนรอบจริงอยู่ถึง 3 รอบด้วยกัน คิดดูให้ดี? ?โห...ฟังดูโหดจัง เล่าให้เราฟังอีกหน่อยสิว่า จะเข้าไปแข่งจะต้องทำยังไง? ?วุค ฟังให้ดีๆนะ เราไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงอยากจะเป็นมืออาชีพนัก นายมีพร้อมทุกอย่างแล้ว ได้เรียนอยู่ในโรงเรียนดีๆ มีครอบครัวที่ร่ำรวย เราเองสิจำเป็นที่จะต้องสอบเป็นมืออาชีพให้ได้ เพราะนั่นเป็นหนทางเดียวที่เราจะเอาตัวรอดได้ ถ้าพูดไปถึงเรื่องหมากล้อม นายก็อยู่ในระดับ 1 คิวที่ใครต่อใครต่างก็ยอมรับนับถือซึ่งก็เพียงพอแล้ว ถ้านายจะประสบความสำเร็จทางด้านหน้าที่การงานอื่นๆแล้วมันก็จะยิ่งทำให้ใครต่อใครยอมรับมากยิ่งขึ้นไปอีก วุค นายมีอนาคตที่สดใสนะ....ตายละนี่ กี่โมงแล้ว เราต้องรีบออกไปเจอกับอิคูนี่ ขืนชักช้าเดี๋ยวมันอัดเราแน่ รีบไปกันเถอะ? วุครู้สึกเสียดายที่ดงมาตัดบทเอาตอนนี้ แต่ทว่าไปพบกับอิคูน่าจะมีอะไรตื่นเต้นให้ทำมากกว่า ทั้งคู่ลืมเรื่องมืออาชีพไปชั่วขณะ ที่ร้านอาหาร อิคูนั่งรออยู่พร้อมกับเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันอีก 3 คน วุคและดงไม่เข้าใจ พอเห็นเข้าก็รีบเดินหลบไปนั่งอยู่ห่างๆ ไม่นานเท่าไรอิคูก็รีบเดินออกมาตาม ?ไอ้ พวกบ้า..มานั่งอะไรแถวนี้ เราอุตส่าห์พาสาวๆมาแนะนำให้รู้จัก พวกนี้เป็นนักวอลเล่ย์บอลของโรงเรียนสตรี S หน้าตาน่ารักๆทั้งนั้น จะได้แนะนำให้รู้จัก รีบตามมาเดี๋ยวนี้ เฮ้อ...เจ้าพวกนี้ยังจะต้องให้ป้อนข้าวอยู่อีก? วุครู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่ก็ตื่นเต้น ทั้งวุคและดง ต่างก็ไม่ประสาในเรื่องจีบผู้หญิง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่อิคูที่จะต้องทำหน้าที่พี่เลี้ยงไปอีกครา แล้วอิคูตัวดีก็จัดการจับคู่ให้เพื่อนเสร็จสรรพ วุคถูกจัดให้นั่งกับเด็กสาวที่ชื่อ ?อินแน? ครั้นเมื่อใครต่อใครรู้ว่าวุคเรียนอยู่ที่ไหน ต่างก็ตื่นเต้นอิจฉาอินแน ที่ได้นั่งคู่กันกับวุค และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่วุครู้สึกภูมิใจในความเป็นนักเรียนโรงเรียน K ทั้ง 6 คนต่างก็แยกย้ายกันกลับในเวลาต่อมา อินแนชวนวุคให้ไปดูการแข่งขันวอลเล่ย์บอลของโรงเรียน S ที่ตนแข่งอยู่ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครปฏิเสธ วุครู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอกับอินแน ความรู้สึกแปลกๆได้เกิดขึ้นกับวุคอีกครั้ง... จบตอน



ตอนที่ 7 อินแน ปาร์ค ทั้งสามคน วุค, ดง และ อิคู ต่างก็พร้อมใจกันไปดูการแข่งขันวอลเล่ย์บอลในครั้งนี้ วุคแต่งเครื่องแบบนักเรียนเต็มยศเพื่ออวดกับอินแน จนทำให้ตนเองรู้สึกไม่ดีที่ทำให้เพื่อนอีกสองคนดูแย่ลง เมื่อไปถึงสนามแข่งต่างคนต่างก็แยกย้ายกัน ไปเจอกับเพื่อนสาวนักวอลเล่ย์ของตน ผลการแข่งขันในเซ็ทสุดท้าย โรงเรียนของอินแนแพ้ไปฉิวเฉียดแค่ 14-16 ผลทำให้นักกีฬาทั้งทีมตกอยู่ในห้วงแห่งความเศร้าหมอง ระหว่างรออินแนออกจากห้องแต่งตัวนักกีฬา วุคก็ครุ่นคิดไปถึงว่าจะพาเพื่อนสาวคนนี้ไปเที่ยวที่ไหนดี จะพาไปร้านบะหมี่ในตัวเมืองดีหรือเปล่า เสร็จแล้วก็จะพาไปต่อที่ไหนอีกดี คิดวนไปวนมา หาข้อสรุปไม่ได้ ครั้นอินแน มาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง รีบบอกกับวุคว่า ?ฉันมีคนอยากจะแนะนำให้เธอรู้จัก? เจอมุขนี้วุคถึงกับคิดไปต่าง ๆ นา ๆ เอ.. จะเป็นพี่ชายจอมโหด หรือจะเป็นเพื่อนชายคนอื่นที่เธอชวนมาหรือเปล่า ไม่นานเท่าไร คนที่วุคเห็นกลับเป็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ?นี่คือคุณแม่ของฉัน คุณแม่ขา นี่เพื่อนของหนูค่ะ? อินแนแนะนำ วุครู้สึกประหลาดใจที่เห็นอินแน แนะนำคุณแม่ของตัวเองให้รู้จักกับเพื่อนชายโดยไม่เก้อเขินแต่อย่างใด ถ้าหากเป็นคุณฮวอนพ่อของวุคละก็ ได้เป็นเรื่องแน่ ๆ เพราะตามกฎบ้านแล้วลูก ๆ ในวัยเรียนนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีแฟนเป็นอันขาด ?จริงหรือนี่ เป็นเด็กนักเรียนชั้นเยี่ยมเสียด้วย? คงจะเป็นผลจากเครื่องแบบนักเรียนของวุคนั่นเอง ที่ทำให้คุณแม่ของอินแนกล่าวเช่นนั้น ?คุณแม่ขา หนูขอพาเพื่อนที่บ้านเราได้มั๊ยคะ? ?ได้สิจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะได้หาอะไรให้เราทั้งคู่รองท้องเมื่อถึงบ้านก็แล้วกัน? ความรู้สึกเปรียบเทียบกับครอบครัวของตนเองได้เกิดขึ้นกับวุค เขากำลังถูกเชื้อเชิญให้ไปบ้านเพื่อนหญิงของตนจากแม่ของหล่อนเอง ยังไม่ทันที่ความประหลาดใจครั้งแรกจะสิ้นสุด สิ่งประหลาดใจครั้งถัดมาก็คือ รถเก๋งคันใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศที่หาดูไม่ได้ง่ายนักในเกาหลีสมัยนั้น พร้อมกับโชเฟอร์แต่งตัวเต็มยศได้ขับเข้ามาจอดรับ วุคถึงกับนั่งเงียบไปตลอดทาง มีแต่อินแนเท่านั้นที่คุยจ้ออย่างร่าเริงอยู่ในรถจนถึงบ้าน บ้านของอินแน เป็นคฤหาสถ์หลังใหญ่ มีรั้วลูกกรงเหล็กสูงใหญ่อยู่ล้อมรอบ ก่อนจะถึงบ้านก็เป็นสนามหญ้า และสวนหน้าบ้านตกแต่งอย่างมีรสนิยม เข้าไปถึงตัวบ้านก็เห็นภาพเขียนสีน้ำมันร่วมสมัยแขวนอยู่บนผนังห้องรับแขก อันดูขัดกับเครื่องชามดินเผาโบราณของเกาหลี ที่วางโชว์อยู่บนชั้นไม้ในห้อง วุคนั่งรออินแนเปลี่ยนเสื้อผ้า อยู่บนโซฟาร์หุ้มหนังในห้องรับแขก วุคมองไปรอบ ๆ ห้อง นี่เป็นครั้งแรกที่วุคได้มีโอกาสเห็นบ้านของคนรวยและมีรสนิยมแบบนี้ ถึงแม้ว่าบ้านของวุคจะมีฐานะก็ตาม แต่นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนละระดับกันเลย ทันใดนั้นวุคก็เหลือบไปเห็นกระดานโกะชนิดตั้งพื้นสี่ขา วางอยู่ตรงมุมห้อง มันเป็นกระดานไม้คายะหนา 6 นิ้วราคาแพงที่หาดูได้ยาก แต่สิ่งที่ทำให้วุคประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ลายเซ็นที่อยู่ใต้กระดานเขียนไว้ว่า ?คิทานิ มิโนรุ 9 ดั้ง? คิทานิ มิโนรุ 9 ดั้งคืออาจารย์ของ ท่านโจ ผู้ก่อตั้งสมาคมหมากล้อมของเกาหลี แล้วพ่อของอินแนคือใครกันแน่ ถึงมีกระดานพร้อมลายเซ็นของคิทานิ 9 ดั้งได้ วุคเอื้อมมือเปิดโถใส่เม็ด ในนั้นเป็นเม็ดหมากขาวทำด้วยเปลือกหอยสีขาวบริสุทธ์ โอ้โห นี่คือเม็ดหมากเปลือกหอยของจริงหรือนี่ ?รู้จักวิธีเล่นเกมนี้ด้วยเหรอ? เสียงอินแนแว่วมาจากด้านหลัง เธอเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ?คุณพ่อฉันชอบเล่นหมากล้อมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระดานชิ้นนี้ ท่านได้ซื้อมาจากตอนที่ไปญี่ปุ่นครั้งแรก คุณพ่อบอกว่าได้เล่นกับนักหมากล้อมมือหนึ่งของญี่ปุ่น แล้วก็ได้ลายเซ็นมาด้วย? ?จริงหรือนี่ คุณพ่อของเธอเคยเล่นกับคิทานิ 9 ดั้ง? วุคถามอย่างตื่นเต้น ?เธอคงจะรู้วิธีเล่นหมากล้อมจริง ๆ แน่ ๆ เดี๋ยวพอคุณพ่อกลับมาก็ลองเล่นด้วยกันสิ? ?เธอรู้หรือเปล่าว่า คุณพ่อเล่นอยู่ในระดับไหน? ?อืม... เห็นคุณพ่อบอกว่าอยู่ระดับ 3 ดั้งนะ ดูใบประกาศที่อยู่บนผนังสิ? ใบประกาศบนผนังเขียนว่า อยู่ในระดับ 3 ดั้งสมัครเล่น ออกให้โดยสมาคมหมากล้อมเกาหลี ในสมัยนั้นมีน้อยคนนักที่รู้ว่าสมาคมฯ มีการออกใบประกาศนียบัตรให้กับบุคคลสำคัญ ๆ ในประเทศด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่ว่าจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการออกใบประกาศนี้ด้วย และแน่นอนว่าผู้ที่ได้ใบประกาศส่วนใหญ่ มักจะเป็นคนใหญ่คนโต หรือบรรดาเศรษฐีที่บริจาคเงินก้อนโตให้กับสมาคมฯ นอกจากนี้แล้วสมาคมฯ ก็ยังออกใบประกาศให้กับผู้มีฝีมือจริง ๆ ด้วย ซึ่งก็ทำให้วุคไม่มีความมั่นใจว่า จริง ๆ แล้วคุณพ่อของอินแนนั้นจะเก่งแค่ไหน คุณแม่ของอินแนเข้ามาในห้องรับแขก พร้อมกับถาดอาหารใบโต เมื่อทราบว่าวุคเล่นหมากล้อมเป็นแล้ว ก็ชวนให้อยู่ต่อ ?ไม่อยู่รอคุณพ่อของอินแนกลับมาก่อนเหรอ ขานั้นชอบเล่นกับคนหน้าใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ประเดี๋ยวคุณพ่อก็คงจะกลับแล้วล่ะ โชเฟอร์เพิ่งจะออกไปรับเมื่อครู่นี่เอง? คุณแม่กล่าวเชิญชวน ?ขอบคุณที่ชวนครับ แต่ผมต้องรีบกลับบ้านก่อนที่จะมืดอ่ะครับ? วุครีบปฏิเสธ กลัวว่าถ้ากลับบ้านดึกแล้วจะมีปัญหาทั้งๆที่ตนเองก็อยากจะทดสอบฝีมือกับคุณพ่อของอินแนเต็มแก่ ?บ้านเธออยู่ที่ไหนเหรอ...เดี๋ยวฉันให้คนขับรถไปส่งให้ก็ได้ ไม่ถึง 5 นาทีหรอก เดี๋ยวอยู่รอเล่นกับคุณพ่อของอินแนก่อนนะจ้ะ? ไม่นานเท่าไร คุณปาร์ค พ่อของอินแนก็กลับมาถึงบ้าน คุณแม่ก็เล่าเรื่องวุคเล่นหมากล้อมเป็นให้ฟัง ไม่ทันไรคุณปาร์คก็ยกกระดานโกะ มาตั้งอยู่ตรงหน้าวุค ?สวัสดี ฉันได้ยินมาว่าเธอเล่นโกะเป็นด้วย เรามาเล่นกันสักกระดานเถอะ อินแนก็เชียร์พ่อด้วยนะลูก? คุณปาร์คเข้ามาชวนเล่นอย่างไม่พูดพล่ามทำเพลง ?ไม่หรอกค่ะพ่อ หนูไม่เข้าข้างฝ่ายไหนคะ? อินแนตอบอย่างอารมณ์ดี ?เล่นโกะน่ะ ไม่จำเป็นต้องมีกรรมการก็ได้ เอาเถอะ เธออยู่ระดับไหนล่ะ? คุณปาร์คถามวุค ?เอ่อ...ผมอยู่ที่ 1 คิวครับ? ?1 คิว!!! ฉันแย่แน่ ๆ วันนี้ เธอนี่ไม่ได้แค่เล่นเป็นนะ แต่เล่นเก่งด้วยสิ งั้นเดี๋ยวฉันเล่นดำนะ? ?แต่...ท่านอยู่ 3 ดั้งนี่ครับ? วุคตอบ ?ไม่ต้องสนใจหรอก นั่นมันปลอม จริง ๆ แล้วฉันเองน่าจะอยู่สัก 2 คิวละมั๊ง? ในที่สุดวุคก็โดนบังคับให้เล่นขาวจนได้ ดูเหมือนว่าคุณปาร์คจะไม่สนใจหรอกว่าจะมีเพื่อนชายของลูกสาวมานั่งอยู่ในบ้าน แถมยังชอบกับการเยี่ยมเยือนของวุคในครั้งนี้ด้วย ระหว่างที่เล่นคุณแม่ของอินแน ก็เข้ามาเสริฟชาร้อนให้กับคุณปาร์ค แล้วก็พูด ?ท่าทางลูกสาวเราจะชอบหนุ่มคนนี้จริง ๆ นะคุณ ฉันยังไม่เคยเห็นอินแนชวนผู้ชายคนไหนมาบ้านเลย? ?ถ้าเป็นงั้นจริงละก็ ลูกเราก็คงจะชอบนายคนนี้จริง ๆ สิ อินแน? ?คุณพ่อละก็..? วุคให้รู้สึกประหลาดกับการสนทนากันอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับเพื่อนชายของลูกสาวในครอบครัวนี้ ซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับครอบครัวของตน ไป ๆ มา ๆ ฝีมือของคุณปาร์คก็ใช่ว่าจะเก่งกาจมากนัก วุคสามารถที่จะต่อให้ 2 เม็ดอย่างสบาย ๆ แต่ทว่าอยู่ดี ๆ จะมาชนะอย่างน่าเกลียดกับพ่อของเพื่อนหญิงที่เพิ่งจะรู้จัก ก็คงจะไม่เป็นการดีแน่ วุคตั้งใจว่าจะเอาชนะสักแต้มเดียวไม่ให้น่าเกลียด ในขณะที่วุคกำลังคำนวนแต้มเพื่อที่จะปรับเกมให้สูสีนั้น คุณปาร์คก็ยอมแพ้ ?อินแน ลูกรู้มั๊ยว่าเพื่อนคนนี้ของลูกนี่ไม่ได้เก่งธรรมดา แต่เก่งระดับอาจารย์เชียวล่ะ? ?ท่านครับ แต้มบนกระดานตอนนี้ก็สูสีอยู่นะครับ? ?ฉันเคยเล่นกับโปรมาเยอะ ฉันรู้ดีเวลาที่คนเก่ง ๆ พยายามที่จะอ่อนข้อให้เพื่อมารยาท ฉันว่าเธอน่าจะมาเป็นอาจารย์ฉัน เล่นหมากต่อให้ฉันสัก 3 เม็ดจะดีกว่า? ?งั้นก็ชวนวุคมาบ้านบ่อย ๆ สิคะ? ?แน่นอนละ แต่มาถึงนี่แล้วพ่อคงไม่ปล่อยให้เขาไปอยู่กับลูกแน่ ? ?งั้นหนูก็จะเรียนโกะด้วยคะ? ?ยังงี้ก็ไม่ดีสิ ก็หนูได้เจอกับเขาบ่อยแล้วนี่นา... เอ่อ เธอชื่อวุคใช่มั๊ย เรามาเล่นกันอีกกระดานดีมั๊ย คราวนี้ต่อให้ฉันสัก 3 เม็ดนะ? ?ผมก็อยากจะเล่นต่อครับ แต่ว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว? ?กี่โมงกี่ยามแล้วนี่ สี่ทุ่มครึ่งแล้วเหรอ งั้นเดี๋ยวฉันจะเรียกคนขับรถให้นะ? ?ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมนั่งรถเมล์กลับเองก็ได้? ?ไม่ได้ ๆ เป็นเพื่อนของอินแนทั้งที ถ้าฉันดูแลไม่ดีเดี๋ยวอินแนก็ก่อเรื่องหรอก? ?คุณพ่อ น่ารักที่สุดเลยค่ะ? อินแนโผเข้าไปกอดพ่อ แล้วก็หอมแก้มให้หนึ่งฟอด พี่สาวของวุคไม่เคยได้มีโอกาสเข้าไกล้พ่อได้เกินรัศมี 1 เมตรเลย แต่คุณปาร์คกลับยอมให้ลูกสาวหอมแก้มนี่ ยิ่งทำให้วุคประหลาดใจมากขึ้นไปอีก อินแนได้นั่งรถไปส่งวุคที่บ้านด้วย ระหว่างทางก็ได้เล่าเรื่องของครอบครัวของเธอให้ฟัง ?ปู่ของฉันเป็นเจ้าของบริษัทในเครือ G Group ท่านมีลูกชาย 2 คน พ่อของฉันเป็นคนเล็ก ตอนที่คุณปู่จะเกษียณตัวเองนั้นคุณพ่อก็เรียนหมออยู่ในอเมริกา แล้วก็จะให้พี่ชายของท่านรับช่วงต่อแต่ทว่ากิจการของคุณปู่ก็เติบโตใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนคุณลุงบริหารไม่ไหว คุณปู่ท่านก็เลยบังคับให้คุณพ่อกลับมารับช่วงกิจการต่อไป ส่วนคุณแม่ของฉันก็เป็นลูกสาวของบริษัทในเครือ S Group ซึ่งการแต่งงานของทั้งคู่ก็เป็นเรื่องของการเกี่ยวดองกันทางธุรกิจ ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองท่านไม่เคยชอบพอกันมาก่อน แต่ก็ดูเหมือนว่าท่านทั้งสองจะรักกันมาก คุณพ่อฉันเป็นคนที่รักครอบครัว และฉันเองก็เป็นลูกคนเดียว? หลังจากได้ฟังเรื่องเล่าจากอินแนแล้ว วุคก็ถึงบางอ้อว่าคงเป็นเพราะเหตุที่คุณพ่อของอินแน เคยอยู่อเมริกามาก่อน ก็เลยไม่เป็นคนเคร่งครัดกับธรรมเนียมปฏิบัติอย่างคนเกาหลีทั่วไป ครั้นเมื่อใกล้ถึงบ้านของวุค อินแนก็ยื่นกระดาษใส่มือให้ ?เบอร์โทรศัพท์ฉัน โทรมานะ? วุคเกือบจะให้เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านของตนกับอินแนไปด้วย แต่นึกขึ้นมาได้ว่าถ้าหากมีผู้หญิงโทรมาหาที่บ้านแล้วรู้ถึงคุณฮวอนละก็คงจะมีปัญหาแน่ ๆ พอถึงบ้านก็เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่อคุณฮวอนรู้ว่าวุคไม่ได้อยู่ในห้องสมุดจนค่ำก่อนกลับบ้าน ก็เริ่มต้นอบรมสั่งสอนอีกหนึ่งยก เสร็จเรียบร้อย วุคก็รีบวิ่งขึ้นไปห้องนอนของตัวเองล้มตัวลงนอนโดยที่ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า ในใจก็คิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปในวันนี้ รูปหน้าอันน่ารักของอินแน กระดานโกะพร้อมลายเซ็นคิทานิ 9 ดั้ง ครอบครัวปาร์ค เบอร์โทรศัพท์ที่อินแนยื่นให้ มันยากที่จะข่มตาให้หลับลงได้ในคืนนี้ จบตอน ตอนที่ 8 พี่นัค สองเดือนต่อมาก็เข้าช่วงโรงเรียนปิดเทอมภาคฤดูหนาว ตลอดเวลาในช่วงปิดเทอมนี้ วุคไปเล่นโกะกับดงแทบทุกวันที่ วายซีคลับ นอกเหนือจากนี้ก็คือการพบปะกับอินแนที่บ่อยขึ้น ทว่าความก้าวหน้าในการพัฒนาฝีมือของวุคนั้นดูเหมือนจะหยุดอยู่กับที่ไม่ไปไหน วุคยังคงต้องถือหมากดำเล่นกับดงอยู่ต่อไป ทว่าในทางกลับกัน ความสัมพันธ์ของวุคกับอินแน ดูเหมือนจะพัฒนาได้ก้าวหน้าไปกว่าโกะหลายขุม ทั้งคู่นัดพบกันแทบจะทุกวัน หาไม่แล้ววุคก็จะโทรศัพท์ไปหาอินแน หรือไปพบที่บ้านของอินแน บางทีก็ออกไปดูหนังด้วยกันหรือเดินเที่ยวเล่นกันสองต่อสอง ถ้าวันไหนคุณปาร์คกลับบ้านมาเจอกับวุค ก็จะเล่นโกะกัน 2-3 กระดานโดยอินแนเป็นฝ่ายนั่งดู ถ้าวันไหนวุคอยู่ในวายซีคลับ อินแนก็จะไปนั่งรอจนกระทั่งวุคเล่นเสร็จเรียบร้อย การออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆอย่างดงและอิคูนั้น อินแนก็ไม่รังเกียจที่จะออกไปเที่ยวกับกลุ่มผู้ชาย 3 คน เพื่อนของวุคต่างก็อิจฉาที่วุคได้เจอกับอินแน ส่วนวุคเองก็ชอบอินแนมากพอๆกับที่อินแนชอบวุค ถ้าวันไหนวุคไม่ได้แต่งเครื่องแบบนักเรียนแล้วก็จะเดินจับมือกันไปกับอินแน สมัยนั้นกฏเหล็กข้อหนึ่งของโรงเรียนมัธยม K ที่วุคเรียนอยู่ ได้กล่าวถึงหากพบเห็นนักเรียนต่างเพศเดินจับมือกันโดยยังแต่งเครื่องแบบของโรงเรียนจะมีโทษถึงขั้นพักการเรียนโดยไม่มีกำหนด อย่างไรก็ตาม วุคก็ยังวิตกในเรื่องการหยุดพัฒนาฝีมือหมากล้อมของตัวเอง ขอเพียงแค่ตนเองได้พัฒนาฝีมือสูงขึ้นมาอีกสักขั้นเพื่อว่าจะได้เล่นแบบเสมอกันกับดงได้วุคก็ยินดีมากแล้ว ตัวของดงเองก็รู้สึกได้ถึงความกังวลใจของวุคที่เกิดขึ้น ?อย่าเพิ่งไปวิตกกังวลอะไรมากมายเลย เรื่องฝีมือจะพัฒนาหรือไม่ ฝีมือระดับนายแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพัฒนาฝีมือขึ้นไปได้แม้แต่เพียงครึ่งชั้น ถึงแม้ว่าเราจะฝีมือดีกว่านายนิดหน่อย แต่ว่าเราก็ยังมีฝีมือไม่แข็งพอที่จะสอนให้นายพัฒนาขึ้นไปได้มากกว่านี้ จากนี้ต่อไปหากนายต้องการพัฒนาฝีมือให้สูงขึ้น นายต้องหาอาจารย์ที่มีฝีมือสูงกว่านายสัก 2-3 ขั้น? ดงให้คำแนะนำ คนที่มีระดับฝีมือสูงขนาดนั้นก็มีแต่พวกมืออาชีพเท่านั้น ที่เป็นไปได้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาคนระดับฝีมือขนาดนั้นมาสอน วุคก็ยังคงกังวลอยู่ดี ด้วยเหตุที่ความคิดอยากจะเป็นมืออาชีพ ได้ขยายมากขึ้นๆภายในใจของวุค มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวก 1 คิวอยากจะก้าวข้ามผ่านจุดนี้ขึ้นไปเป็นมืออาชีพ แต่ในช่วงเวลานั้นเหล่ามืออาชีพทั้งหลายก็ใช่ว่าจะมีรายได้อะไรมากมาย หมากล้อมยังไม่ได้เป็นที่นิยมเท่ากับสมัยนี้ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะหาสปอนเซอร์สนับสนุนรายการแข่งขันทั้งหลายได้ ดังนั้นเหล่ามืออาชีพส่วนใหญ่จำเป็นต้องหางานพิเศษอย่างอื่นทำนอกเหนือจากการเล่นโกะ พวกที่หางานไม่ได้ก็ต้องไปเป็นนักพนัน เล่นโกะเพื่อหาเงิน ทั้งๆที่กว่าจะผ่านเข้าไปเป็นมืออาชีพได้ก็ต้องผ่านการแข่งขันอย่างสาหัสสากรรจ์ มืออาชีพใหม่ๆเกิดขึ้นมาได้แค่เพียงปีละ 4 คนเท่านั้น ความต้องการที่จะขึ้นเป็นมืออาชีพนั้น เป็นเรื่องของความภูมิใจเป็นหลัก ไม่ใช่เรื่องของรายได้ ผู้เล่นระดับ 1 คิวโดยทั่วไปจะได้รับการยกย่อง และยอมรับจากคนทั่วๆไปถึงความเก่งกาจของตนบนสังเวียนกระดานหมากล้อม ด้วยเหตุนี้ก็ยิ่งเพิ่มพูนอีโก้ของตัวเองให้มากยิ่งขึ้น อยากที่จะได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้นไปอีก ต่อมาก็อยากที่จะทดสอบวัดฝีมือของตนกับ 1 คิวคนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้เป็น ?ซูเปอร์ 1 คิว? เพราะฉะนั้นการสอบผ่านเป็นมืออาชีพก็กลายเป็นการเติมเต็มให้กับความอยากของคนเหล่านี้ ด้วยเหตุที่ต้องการเป็นมืออาชีพ เหล่า 1 คิวทั้งหลายจึงทุ่มเทชีวิตให้กับการศึกษาพัฒนาฝีมือของตน ซึ่งทำให้ตนเองอยู่ในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัวก็ตาม คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจถึงเรื่องเหล่านี้ ต่างก็เรียกพวกที่อยากจะเป็นโปรว่า ?พวกเสียสติ? ตอนนี้วุคก็เริ่มที่จะกลายเป็นหนึ่งในพวกเสียสติเหล่านี้ พ้นจากช่วงปิดเทอมภาคฤดูหนาว ภายหลังโรงเรียนเปิดได้ไม่นานวุคก็เรียนจบชั้นม.5 ระหว่างช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่จะเปิดเทอมใหม่ โรงเรียนมีหยุดพักอีก 15 วัน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่วุคจะต้องไปที่วายซีคลับตามเคย ในวายซีคลับเช้านี้ วุคเห็นดงนั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะมุมห้อง ดงกำลังเล่นอยู่กับชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ใส่แว่นตากรอบดำหนาเตอะ มันก็คงเป็นหมากชี้แนะที่ดงเล่นกับคนอื่นอยู่เป็นประจำเหมือนเคย วุคคิด แต่เมื่อวุคเดินเข้าไปใกล้แล้วกลับกลายเป็นว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นฝ่ายเล่นขาว และหมากกระดานนี้ยังเป็นเกมหมากต่ออีกด้วย ดงได้หมากต่อ 2 เม็ดจากชายผู้นี้ เมื่อพูดถึงดงแล้ว ดงเคยเล่นหมากต่อ 2 เม็ดกับพวกมืออาชีพระดับสูงในขณะที่เป็นวอนเซ็งอยู่ แพ้ชนะกันครึ่งต่อครึ่ง ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ชายหนุ่มผู้นี้คงจะเป็นมืออาชีพคนหนึ่งอย่างแน่นอน วุคพยายามนึกหน้าชายผู้นี้ จากนิตยสารโกะต่างๆ ที่เคยผ่านตาว่าเขาเป็นใครกันแน่ แต่ทว่าวุคก็นึกไม่ออกสักทีว่าเขาเป็นใคร หมากกระดานนี้จบลงในอีกชั่วโมงต่อมา ผลออกมาดงแพ้ไป 2 แต้ม ?รู้สึกว่านายจะพลาดช่วงปิดเกมไปนึดนึงนะ ตอนที่จับหมากสองเม็ดนี้กินเป็นโกเตะ ทำให้นายเสียความเป็นมือนำ ทำให้ขาวเล่นที่มุมได้ก็เลยแพ้ไป 2 แต้มครึ่ง...? ชายหนุ่มผู้นี้กำลังวิจารณ์หมากที่ตนเองเพิ่งจะเล่นจบไป ฟังดูเข้าใจยาก ก็แน่ละระดับที่ต่อให้ดงได้ถึง 2 เม็ดนี่ ส่วนดงเองก็นั่งเงียบ ดูเหมือนจะเสียใจกับความพ่ายแพ้ของตนในครั้งนี้ เสร็จเรียบร้อยแล้วดงเพิ่งจะเงยหน้ามาเห็นวุคเป็นครั้งแรก ?เฮ้..วุค มาอยู่ดูเกมตั้งแต่เมื่อไหร่? ?อืม...มาตั้งแต่ช่วงกลางเกมแล้ว ดง นายเล่น 2 เม็ดเกมนี้เหรอ? ?ใช่ โอ้..รู้จักพี่คนนี้หน่อย นี่คือพี่นัค, นัคยูน คิม เคยได้ยินชื่อหรือเปล่า? ?ไม่เคยอ่ะ ต่อให้นายได้ 2 เม็ดแบบนี้ พี่เขาเป็นโปรเหรอ? (มีต่อ...) --> ?เปล่าๆ ฉันไม่ใช่โปรหรอก ฝีมือตอนนี้ดงเล่นดำกับฉันได้แล้วไม่ต้องต่อ 2 เม็ดหรอกฉันว่านะ? ชายหนุ่มยิ้มให้กับวุค วุคยิ้มตอบกลับไปพร้อมกับยังสงสัยว่าไม่เป็นมืออาชีพแล้วต่อให้ดงถึง 2 เม็ดได้อย่างไร ?พี่นัค พี่ช่วยเล่นกับเพื่อนผมหน่อยสิ? วุครู้สึกขอบใจเพื่อน ที่ช่วยแนะนำให้เล่นด้วย ?ได้สิ เขาเก่งระดับไหนแล้วล่ะ? ?อืม... วุค ลองเล่น 4 เม็ดกับพี่นัคสิ? วุครู้สึกเหมือนโดนดูถูก หมากต่อ 4 เม็ดเหรอ ระดับอย่างเรายังไม่อยากเล่นต่อ 3 เม็ดกับคิทานิ, 9 ดั้งด้วยซ้ำ แต่วุคก็เปลี่ยนความคิดใหม่ เขาอาจจะฆ่าหมากขาวทั้งกระดานได้ ด้วยหมากต่อ 4 เม็ด วุครู้สึกชะล่าใจเล็กๆ แล้ววางหมากดำ 4 เม็ดลงบนกระดาน เกมก็เริ่มขึ้น วุคเล่นอย่างรวดเร็ว ด้วยความมั่นใจ นัคก็เล่นเร็วไม่แพ้กัน ดูเหมือนว่าจะเร็วกว่าวุคด้วยซ้ำ เกมเข้าสู่ช่วงกลางเกมภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที กลุ่มหมากของนัคกลุ่มนึงกำลังถูกโจมตี วุคหยุดคิดช้าลงอย่างรอบคอบ เพื่อที่จะจัดการฆ่าหมากกลุ่มนี้ให้ได้ เขาอยากจะจบเกมเกมนี้ให้เร็วที่สุด หลังจากประมวลความคิดอย่างละเอียดแล้ว เขาสามารถฆ่าหมากขาวกลุ่มนี้ได้เพราะเขามีลมหายใจมากกว่าขาวอยู่ 1 ลมหายใจในการดวลกัน วุควางหมากเม็ดต่อไปอย่างเห็นชัยชนะอยู่แค่เอื้อม แต่ทว่านัควางหมากตอบไปอย่างรวดเร็วอย่างที่วุคคาดไม่ถึง วุคหยุดคิดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าจับกลุ่มขาวกินได้แน่ๆ ซึ่งก็แน่นอนวุคยังมีลมหายใจมากกว่าอยู่เหมือนเดิม ไม่มีความผิดพลาดอย่างแน่นอน วุควางหมากตอบกลับไปตามที่ตนเองอ่านหมากไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว นัควางหมากต่อไปอย่างที่วุคคาดเดาไว้ และแล้วกลุ่มหมากขาวก็โดนจับกินอย่างที่คาด แต่เกมยังไม่จบแค่ตรงนั้น จากการที่ขาวบังคับให้ดำจับกลุ่มหมากกินนั้น ได้ทำให้ขาวสร้างกำแพงขนาดใหญ่ขึ้นมา และด้วยกำแพงมหึมานี่เอง นัคได้โยนเม็ดหมากเข้าไปในกลุ่มหมากดำกลุ่มใหญ่ของวุคกลุ่มหนึ่ง และด้วยหมากขาวเม็ดนี้ ทำให้หมากดำกลุ่มนี่ตาย ไม่มีแม้แต่โอกาสอันน้อยนิดที่จะช่วยให้หมากดำกลุ่มนี้รอดไปได้ วุคไม่ได้คาดการณ์ถึงสิ่งนี้มาก่อน กลุ่มหมากขาวที่วุคเพิ่งจับกินไปได้นั้น ดูเหมือนว่าจะเล็กกว่ากลุ่มที่วุคเสียไปมากนัก วุคไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโยนหมากยอมแพ้ ในขณะที่ยอมแพ้ วุครู้สึกเสียดายที่ไม่ได้อ่านหมากให้รอบคอบ ?ดูเหมือนว่า นายจะประมาทกลยุทธสละหมากของขาว...? นัคให้คอมเมนท์ ที่สะดุดใจวุค จริงๆแล้วมันไม่ใช่ความผิดพลาดของวุคที่ไม่ได้ดูแลชีวิตของกลุ่มหมากดำกลุ่มใหญ่ให้ดี แต่ว่าทุกอย่างดำเนินไปตามแผนของนัค ?ฉันรู้สึกได้ถึงพรสวรรค์ในตัวนาย ถ้าหากว่านายได้ศึกษาเพิ่มเติมอีกสักหน่อย นายอาจไปถึงระดับโปรได้เชียวนะ... เอาอย่างนี้ไม่ดง เราออกไปหากาแฟกินกันดีกว่า? นัคเสนอการพักยก เขารู้สึกสบายใจหลังจากเล่นกับวุคจบ ทั้งสามคนได้เดินไปด้วยกันที่โรงน้ำชาข้างๆ มีชื่อเรียกว่า ?เดอะเลค(the Lake)? ที่เดอะเลค ดงเริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับนัคให้วุคฟังอย่างที่วุคอยากจะรู้ นัคเคยผ่านเข้ารอบคัดเลือกเพื่อเป็นมืออาชีพได้หลายครั้ง และอีกหลายครั้งที่นัคเกือบจะผ่านได้เป็นมืออาชีพ เขาเป็น 1 คิวที่แข็งมากขนาดที่ระดับ 1 คิวทั่วๆไปจะต้องเล่นหมากต่อ 5 เม็ดกับนัค ในแมทช์ที่ต้องเล่นเดิมพันกัน ล่าสุดนัคเพิ่งจะผ่านเข้าไปถึงรอบสุดท้ายของการคัดตัวแทนประเทศในการแข่งขันระดับนานาชาติ เหตุที่นัคไม่ได้เป็นโปรนั้น ดงบอกว่าเป็นเพราะดวง ?ดวง... คนระดับฝีมืออย่างนี้แล้วยังต้องพึ่งดวงอีกเหรอ ดง? ?ใช่สิ คนเราต้องมีดวงทั้งนั้น...? นัคตอบคำถามที่วุคถามกับดง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปสู่ความเศร้าหมอง แล้วพยายามเปลี่ยนเรื่องพูด ?เรื่องพวกนี้ ฉันไม่ค่อยอยากจะพูดถึงมันหรอก มาคุยกันเรื่องอื่นเกี่ยวกับฉันดีกว่า ฉันชื่อเต็มๆว่า นัคยูน คิม ฉันเกิดปี 1948 ปีชวด ส่วนนายเกิดปี 1950 ปีขาล เราก็อายุไล่เลี่ยกัน ถ้าห่างกัน 2 ปีแล้วทำให้พวกนายรู้สึกไม่ดีที่จะเรียกชื่อฉันเฉยๆ ก็เรียกฉัน พี่นัคก็ได้? ทั้งคู่ได้กลายมาเป็นเพื่อนกันในที่สุด ดงจำเป็นต้องขอตัวไปทำธุระส่วนตัวก่อน แต่วุคกับนัคก็ยังคงนั่งคุยกันอยู่ในโรงน้ำชา ทั้งสองคนต่างก็มีเรื่องพูดคุยกันมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพื้นฐานชีวิตที่ต่างกัน ก็มีส่วนให้ทั้งคู่รู้สึกสนอกสนใจซึ่งกันและกัน แต่ทว่าการนั่งคุยกันเป็นชั่วโมงในโรงน้ำชา โดยสั่งกาแฟกินถ้วยเดียวนั้น ทำให้พนักงานเสิร์ฟรู้สึกไม่พอใจ และเริ่มออกอาการไม่พอใจให้เห็น ทั้งคู่เลยต้องรีบออกนอกร้าน วุคเสนอที่จะเลี้ยงข้าวกลางวันให้กับนัค เพราะเขาคิดได้ว่านัคเป็นผู้จ่ายค่ากาแฟ 3 ถ้วยเป็นจำนวน 150 วอน นัคคงเอาเงินค่าข้าวของตนมาจ่ายเป็นค่ากาแฟ วุคก็เลยชวนนัคไปกินหมี่ที่ภัตตาคารจีน นัคเอ่ยปากชวนวุคไปที่พัก หลังจากที่เดินออกจากภัตตาคารจีน ไม่มีเหตุผลที่วุคจะปฏิเสธ เขาอยากจะอยู่คุยกับนัคอีก (มีต่อ...) ในห้องเช่าบนเขา ในตำบล H ดูเก่าทรุดโทรมและเล็กราวกับรังหนู โต๊ะกาแฟเล็กๆ และม้วนผ้าห่มตรงมุมห้องก็เพียงพอที่จะทำให้ห้องนี้เต็มแล้ว พื้นที่ภายในห้องไม่ใหญ่พอที่จะบรรจุเฟอร์นิเจอร์ต่างๆเข้าไปได้ มันเพียงพอแค่ให้คนได้ล้มตัวลงนอนเท่านั้น การเปรียบเทียบได้เกิดขึ้นมาในใจของวุค ระหว่างห้องรับแขกบ้านคุณปาร์ค และตัวคุณปาร์คเอง ผู้ซึ่งฝีมือหมากล้อมอ่อนเชิงกว่าวุค 3 เม็ด และนัคผู้ซึ่งเก่งกว่าวุคมากกว่า 4 เม็ด ไม่ใช่เรื่องยากที่จะประเมินหมากล้อมกับตัวเงิน ว่าเป็นคนละเรื่องกัน ทั้งคู่นั่งลงบนพื้นตรงหน้าโต๊ะกาแฟ นัคมองไปเจอขวดโซจู อยู่ครึ่งขวด แล้วรินใส่แก้วพลาสติคให้กับตนและวุค ?ได้เวลาดื่มกันแล้ว? นัคเริ่มต้นบทสนทนา ?วุค... เชื่อฉันเถอะ ฉันไม่ได้พูดเพราะว่านายอยู่กับฉันสองคนตรงนี้ นายมีพรสวรรค์ทางด้านโกะจริงๆ พรสวรรค์ที่แม้แต่ดงก็ได้เพียงแต่ฝันถึงเท่านั้น...? นัคยกแก้วขึ้นดื่มทีเดียวหมด วุคก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน รู้สึกตื่นเต้นกับคำชมของนัค ?พี่นัคก็พูดชมเกินไป เราเพิ่งเคยเล่นกันแค่กระดานเดียวเท่านั้นเอง? ?ที่ฉันพูดอย่างนั้น ก็เพราะว่า...ฉันก็มีพรสวรรค์เหมือนกัน การเล่นของนายคล้ายคลึงกับฉันมาก จนฉันแปลกใจ แต่น่าเสียดายที่ในความคล้ายนั้น มันยังมีจุดเสียอยู่ แต่การมีพรสวรรค์แบบนี้ไม่ใช่จะมีทุกคน แต่ใช่ว่าคนที่มีพรสวรรค์แต่เพียงอย่างเดียวนั้น จะช่วยให้เขาขึ้นไปถึงระดับมืออาชีพได้ นายจะต้องศึกษาเพิ่มเติม... ที่ฉันพูดถึงดวงไปเมื่อเช้านี้ที่เดอะเลค มันก็ใช่ที่นายต้องอาศัยดวงด้วย แต่คนที่พยายามศึกษาพัฒนาฝีมือถึงระดับนั้นเท่านั้นที่จะมีสิทธิอ้างถึงดวงได้ พวกที่สอบตกส่วนใหญ่นั้นไม่ใช่ดวง แต่เพราะไม่ได้ศึกษามากพอที่จะผ่านจุดนั้นไปได้? ?ก็ถ้าพี่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมอยากถามพี่อีกถ้าพี่ไม่ว่าอะไร พี่ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยถึงเรื่องดวงของพี่ในการแข่งขัน? นัครินโซจู หยาดสุดท้ายลงในแก้วแล้วดื่มรวดเดียวหมด ?อืม...ลองคิดดูถึงคนที่เล่นไปจนถึงรอบสุดท้ายแล้วที่ที่ 2 ถึงสามครั้งติดต่อกัน ตอนที่สมาคมฯคัดตัวผู้เล่นแค่คนเดียว แล้วมาชนะที่ 3 ติดต่อกันอีก 2 ครั้งตอนที่สมาคมฯเปลี่ยนกฏมารับเพิ่มเป็น 2 คนสิ คิดยังไงล่ะ? นัคควรจะได้เป็นโปรไปนานแล้ว ถ้าตอนนั้นสมาคมฯเปลี่ยนกฏก่อนหน้าไปสักปี หรือสองปี ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรที่จะเอามาเปรียบ นอกจากคำว่าดวง ?บางครั้งฉันเองก็คิดไปว่ามันเป็นเรื่องของดวง แต่จริงๆแล้ว มันเป็นเรื่องของฝีมือที่ไม่เก่งพอที่จะเป็นที่หนึ่ง? ความเศร้าสลดได้แสดงออกมาให้เห็นบนใบหน้าของนัค แล้วเขาก็พูดต่อ ?นายจะต้องเริ่มศึกษาอย่างจริงจังตั้งแต่เดี๋ยวนี้ หาไม่แล้วนายก็จะย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน และนายจะต้องสมัครเข้าแข่งรอบคัดเลือกด้วย จะเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ถ้านายมัวแต่รอจนตัวเองพร้อมเสียก่อน ที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน นายควรจะสมัครเดี๋ยวนี้เลย ถึงแม้ว่าในรอบแรก นายจะแพ้ทุกกระดานก็ตาม? ?มีสามสิ่งที่จะช่วยให้ฝีมือของนายพัฒนารุดหน้าไปได้ สิ่งแรกก็คือคู่แข่งที่ดี ในการแข่งขันนายจะได้เจอกับคู่แข่งเก่งๆมากมายจากทั่วประเทศ ค่าสมัครเข้าแข่งนั้นจะต้องจ่ายเป็นเงิน 3,000 วอน ซึ่งดูแล้วมันก็เยอะสำหรับคนอย่างฉัน แต่ถ้าหากมันไม่เหลือบ่ากว่าแรงละก็ สมัครเถอะ การแข่งขันช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะมาถึงในเดือนมีนาแล้ว ครั้งนี้ก็คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้เข้าแข่ง... มันคงจะสนุกนะ ถ้าเราได้แข่งร่วมกันในครั้งนี้? ?การแข่งครั้งสุดท้าย...พี่จะล้มเลิกความคิดที่จะเป็นมืออาชีพแล้วหรือครับ ถ้าหากว่าพี่สอบไม่ผ่านครั้งนี้? ?ไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นเพราะว่าฉันโดนหมายเรียกให้ไปเป็นทหารในเดือนเมษาฯ ที่จะถึงนี้ เมื่อเข้าไปอยู่ในกองทัพแล้ว ฉันคงไม่มีโอกาสที่จะเข้าแข่งอีกต่อไปถึง 3 ปี หลังจาก 3 ปีแล้ว ใครจะรู้ว่าเป็นอย่างไร ฝีมือของฉันคงจะตกฮวบลงเพราะขาดการฝึกฝนที่ต่อเนื่อง และตอนนั้นก็คงจะมีคู่แข่งใหม่ๆ แข็งๆเกิดขึ้นมาอีกมาก ทำให้การแข่งขันยิ่งยากขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้แหละฉันก็เลยถือเอาการแข่งครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย? นัคพยายามที่จะฝืนยิ้มไปในขณะพูด เขาคงจะคิดว่าการแข่งขันครั้งที่ผ่านมาเป็นครั้งสุดท้ายของเขามากกว่า วุครู้สึกเสียใจไปกับนัคด้วย ?พี่เพิ่งจะบอกผมไปแค่ข้อเดียวเอง ถ้าข้อแรกคือคู่แข่งที่ดีแล้ว อีกสองข้อละครับ คืออะไร? ?อีกสองข้อที่เหลือก็คือ... ตำรา และอาจารย์ ฉันไม่คิดว่านายจะมีทุกอย่างครบทั้ง 3 ข้อที่ฉันได้พูดไปแล้ว? ?ผมก็เคยอ่านตำราอยู่หลายเล่มครับ... พวกนิตยสารโกะของสมาคมฯ, หนังสือหมากเป็นหมากตาย, โจเซกิ และก็หนังสืออื่นๆอีก? วุครู้สึกเหมือนโดนดูถูก ที่ตนเองถูกลดระดับเป็นพวก 1 คิวปลอมๆ ที่ไม่เคยอ่านตำรับตำราโกะเลย นัคยิ้มให้กับคำประท้วงของวุค ?พวกหนังสือพวกนั้นน่ะ มันไม่ใช่เป็นตำราของคนที่จะเป็นมืออาชีพ พวกนั้นมันเหมาะสำหรับให้คนอ่านเพื่อความเพลิดเพลิน ฆ่าเวลาเท่านั้น ฉันจะให้นายดูถึงตำราที่แท้จริง? นัคเดินไปเปิดผ้าห่มที่มุมห้อง มีกล่องไม้กล่องหนึ่งอยู่ภายในนั้น แล้วนัคก็หยิบหนังสือออกมา 2 เล่ม เขายื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้วุคอย่างระมัดระวัง มันเป็นหนังสือเล่มหนาเขียนปกไว้ว่า ?บันทึกหมากของอู๋? ตัวหนังสือนั้นถูกเย็บเล่มในระบบเก่า แสดงให้เห็นว่าหนังสือเล่มนี้ได้ถูกพิมพ์ขึ้นมานานมากแล้ว เมื่อวุคเปิดหนังสือออกมาดู ปรากฏว่าภายในเขียนด้วยภาษาญี่ปุ่น ?ภาษาญี่ปุ่น!!! ผมอ่านหนังสือญี่ปุ่นไม่ออกครับ? ?ฉันก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน นายไม่จำเป็นต้องอ่านพวกคอมเมนท์ หรือไม่ควรควรจะอ่านมันเลยด้วยซ้ำไป ในหนังสือบันทึกหมาก เพราะถ้านายอ่าน อย่างมากนายก็เล่นได้ดีเท่ากับคนที่เขียนคอมเมนท์เท่านั้น สิ่งที่นายต้องทำคือ เรียงหมากตามหนังสือแล้วก็ทำความเข้าใจด้วยตัวเอง เพราะงั้นมันถึงไม่สำคัญหรอกที่หนังสือจะเขียนด้วยภาษาญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งภาษาสเปน? ?นายเคยได้ยินชื่อของปรมาจารย์อู๋หรือเปล่า เขาถูกยกย่องให้เป็นเซียนโกะ เคียงคู่กับปรมาจารย์โดซากุด้วย พวกญี่ปุ่นนั้นก็ยกย่องชูซากุ ว่าเป็นเซียนโกะเหมือนกัน แต่สำหรับฉันแล้วเซียนโกะมีอยู่แค่ 2 คนเท่านั้นคือ ปรมาจารย์อู๋ กับโดซากุ เมื่อใดที่ฉันเรียงหมากของปรมาจารย์เหล่านี้ ฉันรู้สึกสะท้านไปถึงไขสันหลัง อันเป็นการยืนยันได้ว่าเขาเป็นเซียนอย่างแท้จริง แต่ฉันไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้ตอนที่เรียงหมากของชูซากุเลย ถ้าหากว่าฉันรู้สึกได้กับชูซากุ ฉันอาจจะสอบผ่านเป็นโปรไปนานแล้ว? นัคกำลังพูดถึงคนที่วุคไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน วุครู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างในตำราเล่มนี้ และมันก็ไม่แปลกที่วุคจะไม่เคยได้ยินชื่อของคนเหล่านี้มาก่อน เพราะมันยากที่จะหาตำราภาษาญี่ปุ่นในเกาหลี แล้วนัคก็พูดต่อ ?หนังสือเล่มนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่ฉันมี ฉันไม่คิดว่านายจะหาจากที่ไหนได้อีกในเกาหลี ฉันอยากจะยกให้นาย นายรู้ไหมว่าทำไม เพราะฉันรู้สึกว่าเรามีอะไรคล้ายๆกัน ฉันรู้สึกครั้งแรกจากการที่เราได้เล่นกันเมื่อเช้านี้ ฉันหวังว่าอย่างน้อยเราคนใดคนหนึ่งคงจะผ่านไปเป็นมืออาชีพได้ ถ้าหากว่าฉันไปไม่ถึงดวงดาว ฉันถึงอยากจะให้นายได้หนังสือเล่มนี้ แล้วฝึกฝีมือให้เก่งกว่าเดิม? วุคพูดอะไรไม่ออก ?ถ้าหากว่าฉันไม่ได้เจอกับนาย หนังสือเล่มนี้ก็คงจะสูญหายไปในกองขยะ หลังจากที่ฉันไปเป็นทหาร ในนี้มีบันทึกหมากของปรมาจารย์อู๋อยู่ 300 เกม ฉันได้เรียงหมากตามหนังสือไปแล้วทั้งหมด 9 รอบ ถ้าหากว่านายได้เรียงหมากในหนังสือครบ 10 รอบเมื่อไหร่ นายก็ชนะฉันได้แล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ? นัคหัวเราะเศร้าๆ เขาได้เรียงหมากตามหนังสือถึง 9 รอบ รวมทั้งสิ้น 2,700 เกม ขนาดนี้แล้วก็ยังคิดที่จะยอมแพ้ แล้วยกหนังสือให้กับวุค ?นายไม่จำเป็นต้องมีหนังสือเล่มอื่นๆอีกต่อไป จากนี้สิ่งสำคัญข้อที่สามคือเรื่องอาจารย์ จริงๆแล้วการมีอาจารย์นั้นใช่ว่าจะจำเป็นมากไปกว่า 2 ข้อแรก การมีอาจารย์ชี้แนะอาจจะกระทบต่อการพัฒนาฝีมือของตัวเราเอง โดยเราจะเล่นเหมือนกับอาจารย์ของเราโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าหากว่านายต้องการอาจารย์ละก็ ฉันจะเป็นอาจารย์ให้นายเอง? คำพูดของนัคทำให้วุครู้สึกตื่นเต้น วันนี้วุคเพิ่งจะปฎิบัติตามข้อแนะนำไปได้ถึง 2 ข้อ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะเรียงหมากครบจำนวน 10 รอบ วุครู้สึกได้ถึงตัวเองจะมีโอกาสที่ฝีมือรุดหน้าขึ้นเทียบเคียงกับนัค ซึ่งแต่เดิมเคยรู้สึกกังวลที่ฝีมือตนไม่พัฒนาเลยแม้แต่ครึ่งเม็ด แต่ตอนนี้เขากลับได้โอกาสที่จะพัฒนาฝีมือได้สูงขึ้นถึง 5 เม็ด นัคหยิบหนังสืออีกเล่มขึ้นมา เล่มนี้บางกว่าเล่มที่แรกมาก ?หนังสือเล่มนี้ไม่เกี่ยวกับโกะ แต่เล่มนี้อาจจะช่วยให้นายพัฒนาได้เช่นเดียวกัน มันเป็นบันทึกบทกวี และเรื่องสั้นเขียนโดย เพื่อนของฉันเอง เขาเป็นนักหมากล้อมฝีมือดีเช่นกัน ทว่าด้อยกว่าฉันไปแค่ 1 เม็ด เขาก็เช่นเดียวกัน เคยพยายามที่จะสอบผ่านเป็นมืออาชีพ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ปีที่แล้วพ่อ แม่ของเขาได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่แคนาดา แล้วพาเขาไปด้วย น่าสงสารคนที่เล่นโกะ กับเขียนบทกวีภาษาเกาหลีแต่เพียงอย่างเดียว ...แล้วเขาจะอยู่ยังไงที่โน่น ฉันรู้สึกเสียใจกับเขา เขาคนนี้เก่งในเรื่องการเล่นหมากต่อ กับผู้เล่นที่อ่อนกว่า เขาสามารถต่อหมากกับพวกอ่อนกว่าได้มากกว่าฉันถึง 2 เม็ด คนส่วนใหญ่เรียกเขาว่า ?นักมายากล บนกระดานโกะ? ด้วยเหตุที่ว่าใครก็ตามที่ได้เล่นกับเขาแล้ว ก็เหมือนกับถูกสะกดจิตให้เดินตามอย่างที่เขาคิด? ?หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้ถูกตีพิมพ์แต่อย่างใด เขารวบรวมเอาบทกวีที่เขาชอบ และเรื่องเล่าเกี่ยวกับโกะไว้ด้วยกัน ซึ่งก็มี 2 เรื่อง หนึ่งในนั้นมีเรื่องที่ชื่อว่า ?หมากกระดานโลหิต? ซึ่งเป็นเรื่องของนักโกะในสมัยช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ในญี่ปุ่น ซึ่งเขาได้แนบบันทึกหมากกระดานนี้ไว้ในหนังสือเล่มนี้ด้วย...อ้า...อยู่ตรงนี้นี่ไง นายลองอ่านเรื่องนี้ดูก่อนแล้วค่อยเริ่มเรียงหมาก มันจะสอนนายในเรื่องของเจตนารมณ์อันมุ่งมั่น นายจำต้องมีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่น พร้อมๆกับฝีมือที่แข็งแกร่งเพื่อที่จะผ่านด่านไปเป็นมืออาชีพได้? วุคถึงกับมือสั่นเมื่อได้จับหนังสือทั้งสองเล่มนี้ ด้วยความอยากที่จะเปิดอ่านมันในทันที นัคหยิบเสื้อคลุมออกมาเตรียมตัวที่จะออกไปข้างนอก ราวกับรู้ว่าวุคกำลังคิดอะไรอยู่ ?ฉันต้องรีบออกไปแล้ว จะต้องไปหาเงินจ่ายค่าเช่า ฉันต้องไปที่ตำบล Y ตอนหนึ่งทุ่ม? วุครู้สึกอยากรู้ขึ้นมาว่า นัคทำงานอะไร แต่ก็ไม่ได้ถาม ถามไปอาจไม่เป็นการเหมาะสม ?พี่นัค ผมเองก็คงต้องไปแล้ว วันหลังผมจะมาหาอีก? ?อย่าเสียเวลาเลย เพราะว่าฉันไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก เอาไว้ฉันไปหานายที่วายซีคลับ จะดีกว่า? ?ก็ดีครับ ขอบคุณสำหรับหนังสือทั้งสองเล่มนะครับ? นัคยิ้มที่เห็นวุคดีใจกับหนังสือของตน เมื่อวุคกลับถึงบ้าน ก็รีบเปิดอ่านเรื่อง ?หมากกระดานโลหิต? ในทันที ชื่อของผู้เขียนคือ ซุก วอนฮง เรื่องหมากกระดานโลหิต เป็นเรื่องสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้ จบตอน....

ไม่มีความคิดเห็น: